Skip to main content

เมื่อวันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ศูนย์การดำรงชีวิตอิสระคนพิการพุทธมณฑล, Thisable.me, โก๋แก่ ประชาไท และดิคอมมูเน่ จัดงานเสวนาเสรีภาพหรือเสรีพร่อง 3.0 เรื่องคนพิการกับการซื้อบริการทางเพศ คุยกับณภัทร สะโน, เจโรม ทีโบท์,  อภิชาติ บุตตะ ดำเนินเสวนาโดยขวัญชาย ดำรงขวัญ

อภิชาติ บุตตะ
คนพิการทางการเคลื่อนไหวจากการที่แม่ติดเชื้อโรคหัดเยอรมันระหว่างตั้งครรภ์

 

ได้ยินสื่อหรือคนอื่นๆ พูดถึงเซ็กส์และการซื้อบริการทางเพศยังไงบ้าง

อภิชาต: ไม่ค่อยได้ยินเรื่องพวกนี้ แต่ได้ยินว่า คนพิการไม่ควรกินเหล้า สูบบุหรี่เยอะ หลายคนให้เหตุผลเรื่องนี้ว่า ดื่มแล้วเดือดร้อนครอบครัว ดื่มแล้วไม่มีผลดี พิการแล้วกินอะไรที่มีประโยชน์ดีกว่า

พอได้ออกมาอยู่คนเดียว เราสนุกกับการดื่มตามร้านเบียร์ที่มีคนเยอะๆ มากกว่าและไม่ค่อยคิดเรื่องเซ็กส์ แต่คิดว่าคนพิการมีความรักได้โดยที่เรื่องเซ็กส์ไม่ได้สำคัญกับคนพิการและไม่พิการ

ประสบการณ์ซื้อกินเป็นอย่างไร

ช่วงสงกรานต์เราออกไปเที่ยวกับเพื่อนเป็นกลุ่มที่ร้านคาราโอเกะ เรานั่งกินเบียร์อยู่ในร้าน แล้วสังเกตเห็นเพื่อน 2-3 คนเดินออกจากร้านไปแล้วมีสาวเบียร์ออกไปด้วย ผ่านไปสักพักเพื่อนกลับมา สาวเบียร์เดินตามมาแล้วขึ้นรถมาด้วย เพื่อนเฉลยออกมาว่า คุยราคาให้เราแล้ว ตอนนั้นตกใจและไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทำให้รู้สึกเหมือนโดนแกล้ง แต่สุดท้ายสาวเบียร์ก็ขึ้นรถไปด้วยไม่ได้เพราะว่าแขกประจำมา

เราอยู่ย่านศาลายาซึ่งมีร้านเหล้าเยอะมาก เวลาคนพิการเข้าไปกินก็เหมือนคนปกติเลย คนไม่ค่อยสนใจ ตอนนั้นทำงานมีเงินเดือน อาทิตย์หนึ่งก็ไปดื่มเบียร์ร้านเล็กๆ ไม่แพงกับผู้ช่วยคนพิการ มีร้านนวดอยู่ใกล้ๆ สาวนวดเดินออกมาคุยกับสาวเบียร์ที่อยู่โต๊ะเรา ด้วยความกวนประสาทของเราและเริ่มเมาแล้วเลยพูดขึ้นมาว่า ‘ถ้าผมลองซื้อบริการบ้างได้เปล่า’ ตอนนั้นเราคิดในใจว่า โดนด่าแน่เลย แต่เขาตอบกลับมาว่า ‘เอาป่ะละ’ เลยรู้จักกันวันนั้นแต่ยังป๊อดอยู่ หลังจากนั้น 2 วันก็ไปดื่มเบียร์ร้านเดิมก็ไม่คิดว่า เขาจะออกมานั่งคุยด้วย วันนั้นรวมความกล้าถามเรื่องวันนั้นว่า ‘คุยเล่นหรือแกล้งแหย่ไปอย่างนั้น เพราะผมพิการนะ’ เขาตอบกลับมาว่า ‘ถ้าจะจริงๆ ก็ได้’ วันนั้นก็เป็นเซ็กส์ครั้งแรกของเรา

แต่เราขึ้นไปบนร้านเข้าไม่ได้เพราะมีบันได 4 ขั้น เลยไปโรงแรมรายวันแถวนั้น หลายคนก็แปลกใจว่า ทำไมเราเข้าไปได้ คำตอบก็คือเราผู้ช่วยคนพิการไปด้วยทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นร้านเบียร์หรือร้านนวด และเขาเป็นสายดื่มอยู่แล้ว ขอให้เขาพาไปไหนก็พาไปทุกที่ ตอนที่จะมีเซ็กส์ผู้ช่วยคนพิการพาไปส่ง พาเข้าห้อง หลังจากนั้นเขาขี่รถออกไปเที่ยวข้างนอกถ้าเสร็จแล้วให้โทรบอก เดี๋ยวมารับ

ภาพถ่ายมุมเสยผู้เข้าร่วมเสวนาวงนี้ ทางด้านซ้ายมือสุดเป็นเจโรม ถัดมาเป็นณภัทร แล้วก็อภิชาติ
 
พอได้พูดคุยตกลงกันแล้วรู้สึกอย่างไร

พอได้เจอกันแล้ว เขาเห็นแล้วว่า เราเป็นคนพิการแต่ก็โอเคที่จะไปกับเรา ดูจากบทสนทนาที่คุย 2-3 ครั้งที่ผ่านมาเขาเต็มใจที่จะไปกับเรา พอเขาตอบรับเราก็รู้สึกดี 

เซ็กส์ครั้งแรกให้อะไรกับเรา

ก่อนหน้าที่จะมีเซ็กส์ เราคุยกับเขา แล้วเขาเห็นตัวตนของเราว่า เราพิการ แล้วท่าทีการกระทำไม่ได้รังเกียจ เขาอยากลองมีเซ็กส์กับเรา เขาก็รู้ว่าเราซื้อบริการเป็นครั้งแรก เขาก็แนะนำเราด้วยว่า ถ้าจะเที่ยวจริงๆ ต้องระวังอะไรบ้าง

หลังจากมีเซ็กส์แล้วตื่นเช้ามาคิดอะไร รู้สึกอะไร

รู้สึกว่ายังมีบางพื้นที่เปิดโอกาสและเปิดความคิดตัวเองจากแต่ก่อนคิดว่า พิการซื้อกินไม่ได้ ถ้าคนรุ่นตายายรู้ว่าซื้อกินน่าจะเป็นเรื่องแย่มาก แต่เราไม่เสียใจที่คืนนั้นกวนส้นตีนและมีประสบการณ์ หลังจากนั้นก็ซื้อกินอีก 3 ครั้ง สองเดือนที่หนึ่ง พอครั้งที่สาม เราชวนผู้หญิงไปห้อง เพราะเราเคยได้ยินจากเพื่อนๆ หลายคนว่าคนไม่พิการมองคนพิการที่มีเซ็กส์ กินเหล้า เที่ยว เป็นเรื่องที่แย่มาก เราอยากได้ยินเสียงเหล่านั้น แต่วันนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนแถวห้องเช่าอาจจะมองผู้หญิงเป็นผู้ช่วยเราโดยไม่ได้สังเกตว่าเป็นคนอื่น

คนพิการด้วยกันตัดสินเราไหม

คนพิการเหล่านี้ไม่กล้าตัดสินเราหรอกเพราะพวกนี้เป็นคนไปซื้อให้ตอนแรก แต่ส่วนมากเดือนหนึ่งทำงานมาเหนื่อยๆ ก็ชอบไปนั่งกินเบียร์มากกว่า แล้วเพื่อนสายเบียร์บอกว่า ผู้หญิงคนนั้นกลับไปทำงานที่บ้านแล้ว

คิดถึงเขาไหม

คิดถึงประสบการณ์มากกว่า ไม่ได้คิดถึงตัวบุคคล

ทำไมไม่ลองซื้อกินกับคนอื่นแทนคนเก่า

เรามีโรคประจำตัวคือทรัพย์จาง ถ้าไม่มีโรคนี้แล้วก็อาจจะซื้อกินอีก เป้าหมายของเราคืออยากไปนั่งกินตามย่านที่เป็นร้านเบียร์ร้านเหล้าแล้วมองดูบรรยากาศของผู้คน

สิ่งดีๆ จากการมีเซ็กส์ 3 ครั้งนั้นคืออะไร

มันทำให้เรารู้ว่า เราเที่ยวได้และอยากทำให้คนอื่นรู้มากกว่าก็คนเหมือนกัน

ถ้ามีคนบอกว่าพิการไปไหนยังยากเลยจะไปซื้อกินทำไม อยากบอกอะไรกับคนที่พูดกับเราแบบนี้

ความคิดของลุงของป้าเราไปเปลี่ยนไม่ได้หรอก หากสังคมเปิดโอกาส เราสามารถสื่อสาร พูดคุยได้ ทำความเข้าใจกับคนพิการใหม่ ไม่ใช่พิการแล้วเป็นภาระ ต้องอยู่บ้าน พิการแล้วต้องขอทาน ขายหวย แต่โอกาสของคนพิการมีเยอะเมื่อโครงสร้างของสังคม เอื้อ แม้ความคิดจะถูกปลูกฝังมาตั้งแต่โบราณแล้ว แต่ปัจจุบันเราจะอยู่กับสิ่งเหล่านั้นยังไง วันหนึ่งถ้ามีคนถามว่า ทำไมต้องไปซื้อเสียว เราอาจบอกให้เขานั่งคุยกับเราสักวันหนึ่งไหม ลองมาใช้ชีวิตร่วมกับเราสักวันหนึ่งไหม อยากให้มองว่าคนพิการก็คนๆ หนึ่งที่มีความต้องการทางเพศ ขนาดคนไม่พิการอายุ 50-60 ปีแอบไปเที่ยวก็มี

เพราะอะไรความสุขทางเพศและเซ็กส์ถึงสำคัญ

เราไม่ได้มองว่าสำคัญ แต่มองว่าเป็นสิทธิในเนื้อตัวของมนุษย์ ชีวิตมนุษย์แต่ละคนต้องมีเรื่องเพศอยู่แล้ว และอยากให้มองว่าเป็นคนเหมือนกัน มีความต้องการ มีความสุข ความทุกข์เหมือนคนไม่พิการ อยากให้มองและทำความเข้าใจตรงนี้มากกว่า

หากเราไม่สามารถทำอะไรได้เลยแบบนี้เรียกว่า อิสระไหม ถึงแม้ร่างกายเราไม่อิสระต้องมีคนมาทำนู้นทำนี่ให้ แต่ความคิดเราอิสระ สามารถบอกความต้องการได้ว่า อยากอาบน้ำ ใส่เสื้อผ้าสีอะไร ไม่จำเป็นต้องทำได้ทุกอย่างเหมือนคนไม่พิการ เราขอแค่ตัดสินใจเองได้ ทุกวันนี้เรากินเหล้า สูบบุหรี่ เราต้องยอมรับว่า คนรอบข้างอาจจะมองเราไม่ดีก็ได้ แต่เลือกจะทำเพราะเราเป็นคนเหมือนกัน

ภาพณภัทรที่ทำผมสีทอง สวมเสื้อสีขาว กำลังถือไมค์พูดอยู่

ณภัทร สะโน

คนพิการทางการเคลื่อนไหวจากอุบัติเหตุทางมอเตอร์ไซค์
 

ก่อนพิการมีวิธีมองเรื่องเซ็กส์กับคนพิการอย่างไรบ้าง

ณภัทร: ไม่ได้มีความคิดนี้อยู่ในหัวเพราะไม่ได้สัมผัสชีวิตคนพิการเลย ตอนที่ผมยังไม่พิการก็พูดกับคนอื่นว่า แปลกใจไหมประเทศนี้มีคนพิการ 2.5 ล้านคน นอกจากโรงพยาบาลแล้วเจอคนพิการเดินเหินที่อื่นกี่คน แล้วคนพิการที่เหลือหายไปไหน ทำให้ผมไม่เคยตั้งคำถามกับคนพิการว่า เวลาคนพิการเงี่ยนทำยังไงหรือคนพิการจะเย็ดยังไง

ประสบการณ์ร้านนวดแผนไทยยังไงบ้าง

เวลาไปร้านนวดแผนไทยธรรมดาไม่ได้ต้องการบริการแฝง แต่เขามักจะมีข้อเสนอเรื่องเซ็กส์ ผมไม่แน่ใจว่า นี่คือการซื้อบริการหรือเปล่า แต่ผมคิดว่า ใช่ ถ้าเป็นนวดไทยธรรมดาโอกาสซื้อกินน้อยแต่ถ้าเป็นนวดน้ำมันมีโอกาสซื้อบริการมากขึ้นด้วยวิธีการนวด ท่าทาง จะแตกต่างกับนวดไทยธรรมดา กดโดนเส้นที่ก็ร้องโอ้ยจะรู้สึกเสียวได้ยังไง ส่วนนวดน้ำมันมีความผ่อนคลาย ท่านวดมีการโฉบเฉียวโดนอวัยวะเพศที ไม่โดนอวัยวะเพศที

เวลาไปนวดเขาจะให้นอนคว่ำ มีนวดตรงขาหนีบมีความเสี่ยงที่จะโดนอวัยะเพศ บางทีเฉี่ยวหนึ่งที สองที สามที สี่ที ห้าที จนผมเริ่มเอะใจว่า ทำไมโดนบ่อยจัง แต่หมอนวดก็ไม่ได้พูดอะไร พอนอนหงายจะมีท่ารีดจากหน้าท้องไปหน้าอก กวาดมือลงไปมาจนผ้าขนหนูคลุมท้องถูกดันลงเรื่อยๆ จนเห็นอวัยวะเพศ

จากนอนคว่ำเปลี่ยนท่านอนหงายแล้วผมจับอวัยวะเพศตัวเองพบว่า อวัยวะเพศเปียกน้ำมัน ผมก็รู้แล้วว่าหมอนวดคนนี้ทำ แต่เขาก็ไม่รู้ว่า ผมไม่รู้สึก ผมก็ไม่ว่ากัน หลังจากนั้นเขาก็มาเสนอว่า ‘พี่ครับ พิเศษไหมครับ’ ผมถามกลับว่าเพื่อลองเชิงดูแต่ผมรู้ว่า จริงๆ แล้วเขาจะทำอะไร ทั้งที่ผมบอกกับเขาก่อนนวดว่า ตั้งแต่ลิ้นปี่ลงไปผมจะไม่รู้สึกเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ไม่ต้องใช้ท่านวดพิศดารมาก

เวลาหมอนวดรู้ว่า ผมพิการ ผมสัมผัสได้ว่าเขาแปลกใจ แต่ไม่ว่าจะพิการหรือไม่พิการหมอก็นวดเหมือนกันโดยเฉพาะคนที่ยังนวดไม่เก่ง เขานวดตามสเต็ปทั่วไปจนจบ แต่หมอนวดที่ชำนาญจับปุ๊บจะรู้ว่า ตึงตรงนี้โดยไม่อาศัยแบบแผนการนวดทั่วไป สำหรับผมไม่ได้เป็นเรื่องที่โอเคหรือไม่โอเคและไม่ได้รู้สึกว่า เป็นเรื่องผิดปกติหรือเรื่องที่ไม่ควรทำ เรามองว่า บริการเหล่านี้เสรีมาก เนื้อตัวร่างกายของเรามีความสวยงาม เราชอบงานศิลปะแบบนู้ด เราสามารถมองทุกส่วนของร่างกายเราเป็นความสวยงามแต่ละแบบไม่เหมือนกัน  ไม่ว่าจะเป็นอ้วน ผอม ดำ ขาว เวลาเราแก้ผ้าถ่ายรูปไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเพศเลย

เมื่อพิการจุดที่เราเสียวที่สุดนิยามเปลี่ยนไปไหม

แต่ละคนมีความพิการที่แตกต่างกัน ความเสียวและจุดที่เสียวของคนพิการคนนั้นคืออะไร อันนี้ต้องจำกัดความให้ชัด อย่างผมรู้สึกที่นม รักแร้ คอ หน้า ปาก จุดที่เสียวที่สุดของผมอาจจะหู บางคนอาจจะเป็นจุดอื่น เช่น นม เพราะถูกดูดและเลียบริเวณหัวนมแล้วเสียวที่สุด บางคนอาจจะไม่ใช่ทั้งหมดของเนื้อกายของตัวเองเลย บางคนก็ชอบแนว BDSM บางคนก็ชอบดูคนอื่นมีเซ็กส์ บางคนชอบสั่งโดยที่ตัวเองไม่รู้สึกเสียวอะไรเลย แต่เห็นอีกฝ่ายเสร็จน้ำแตกก็รู้สึกมีความสุขแล้ว จากความเชื่อว่ามีเซ็กส์ต้องรู้สึกทางกายเปลี่ยนเป็นรู้สึกทางใจแล้ว

ภาพถ่ายระหว่างเสวนา ขวัญชายอยู่ทางด้านซ้ายมือ ถัดมาเป็นเจโรมและณภัทรที่กำลังหัวเราะอยู่
 
เวลาที่ไปร้านนวด เราต้องสื่อสารไหมว่าจุดไหนคือจุดเสียวของเรา

อยู่ที่การพูดคุยว่า ผมมีเงื่อนไขอะไร ผมมีข้อจำกัดยังไงบ้าง สิ่งที่สื่อสารให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าผมเป็นยังไง เขาต้องทำอะไรกับผม ผมต้องทำอะไรกับเขา สิ่งที่เขาต้องการคืออะไร ซึ่งเคยมีการพูดคุยว่าไม่รู้สึกแล้วจะต้องทำยังไง อย่างผมนวดน้ำมันที่หน้าอกผมก็เสียวแล้ว บางคนขอให้ช่วยจับอวัยวะเพศก็มี

เคยมีการแชร์ประสบการณ์การนวดกับเพื่อนที่ไม่พิการบ้างไหม

ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งที่นวดทุกอาทิตย์ พิเศษทุกอาทิตย์ แล้วไม่ได้จ่ายเงินที 300-500 บาทต่อครั้ง แต่จ่ายทีเป็น 1,000 - 1,500 บาทขึ้น อาจจะเป็นเพราะเขาไม่มีแฟน ไม่ได้อยู่ในบิวตี้สแตนดาร์ดของสังคมแต่เขารู้สึกว่า สิ่งนี้คือความสุขของเขา เขาทำงานหาเงินได้แล้วเอาเงินไปใช้กับสิ่งนี้ให้มีความสุขโดยไม่ถูกบั่นทอน ลดทอนคุณค่าของตนเอง เขาเอาเงินไปนวดมากกว่าคนปกติหรือคนที่ซื้อบริการอาบ อบ นวดแน่ๆ

กับเพื่อนเราไม่ต้องพูดก็รู้กันอยู่แล้วว่ามีการนวดแบบนี้ แต่มันจะคุยกันแง่ของการแนะนำว่า ‘ร้านนี้มีลิฟต์’ ‘ร้านนี้ห้องนวดอยู่ชั้นหนึ่ง มึงไปได้’ มากกว่าการแนะนำว่าหมอนวดคนไหนนวดดีในเชิงการรักษาโรค หมอคนนี้นวดดีในเชิงเซ็กส์ อย่าไปนวดกับหมอคนนี้เพราะคิดราคาแพง

ตอนไม่พิการกับพิการแล้ว ยังมีความรู้สึกเงี่ยนเหมือนเดิมหรือเปล่า

เรื่องของอารมณ์ทางเพศมีเป็น 2 ส่วนคือร่างกายกับอารมณ์และความรู้สึก ถ้าคนไม่พิการมีอารมณ์ทางเพศอวัยวะเพศก็จะแข็งจนกว่าไม่มีอารมณ์แล้วอวัยวะเพศไม่แข็ง พอพิการแล้วร่างกายไม่เหมือนเดิมทำให้ผมตัดส่วนร่างกายออกไป ส่วนเชิงของอารมณ์และความรู้สึก หากดูสื่อลามกก็จะมีอารมณ์และความรู้สึก แต่พอเปลี่ยนไปเล่นเกมหรือตอบแชทที่ทำงาน ความรู้สึกก็หายไป

อยากจะบอกอะไรกับคนที่มองว่าคนพิการไม่ควรซื้อบริการทางเพศ

ชีวิตผมมีความเสี่ยงอยู่แล้ว คนพิการจะเสี่ยงมากกว่าอยู่แล้ว อาจจะเสียเงินมากกว่า อาจจะปลอดภัยน้อยกว่า แต่จะจัดการความเสี่ยงเหล่านั้นยังไงนี่คือประเด็น สมมติขับมอเตอร์ไซค์ไปทำงาน การขับมอเตอร์ไซค์ไปทำงานเสี่ยงกว่าคนขับรถยนต์เพราะเนื้อหุ้มเหล็กกับเหล็กหุ้มเนื้อไม่เหมือนกัน แต่ผมมองว่า จะจัดการชีวิตอย่างไรมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นคนพิการหรือคนไม่พิการ

ภาพขวัญชายกำลังดำเนินรายการสัมภาษณ์ผู้เข้าร่วมเสวนาอยู่
 
อะไรทำให้คนไม่พิการเข้าใจว่า อันนี้คนพิการทำไม่ได้หรอก

ผมมอง 2 อย่าง หนึ่งคือความเข้าใจซึ่งกันและกัน สองคือสภาพแวดล้อม ผมไม่ได้มีความเข้าใจกับคนพิการเลยเพราะไม่ได้ใช้ชีวิตกับคนพิการ ไม่ได้กินเหล้ากับคนพิการ ไม่ได้กินข้าวกับคนพิการแล้วไม่รู้ว่าโต๊ะร้านอาหารแบบนี้คนพิการเข้าได้หรือไม่ได้เพราะขาแคบ โต๊ะสูงจนวีลแชร์เข้าไม่ได้ ผมไม่ได้มีความเข้าใจว่าคนพิการต้องการอะไรในการใช้ชีวิต แต่ถ้ามีคนเปิดร้านอาหารแล้วเข้าใจคนพิการ ถึงแม้ร้านไม่ได้มีคนพิการเข้ามาใช้บริการบ่อยหรอก แต่เขาเข้าใจว่า คนพิการต้องการโต๊ะสูงกว่า 80 เซนติเมตร ไม่มีคานด้านล่าง ขาโต๊ะไม่ห่างมากคนนั่งวีลแชร์จะได้นั่งได้ พอคนไม่พิการเข้าใจจะทำให้การใช้ชีวิตกับคนพิการง่ายขึ้น ความเข้าใจนำไปสู่การปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม เช่น ฟุตปาธ ถึงแม้สถาบันสิริธรจะสอนให้คนนั่งวีลแชร์ขึ้นสเต็ป 10 เซนติเมตรตามมาตราฐาน แต่ฟุตปาธของไทยสูง 15-20 เซนติเมตร เป็นแบบนี้แล้วคนพิการจะใช้ชีวิตอย่างไร นี่เป็นเรื่องที่ภาครัฐควรจัดการเรื่องการออกแบบเพื่อทุกคน (Universal Design) ยังไง

ล่าสุดผมเห็นว่า ช่วงระหว่างตรงฟุตปาธกับทางเข้าออกพื้นที่ส่วนบุคคลมีสเต็ปอยู่ ผมถ่ายรูปส่งแพลตฟอร์มทราฟฟีฟองดูว์ (Traffy Fondue) ว่าตรงนี้ควรทำเป็นทางลาด ทำส่วนนี้แต่ไม่ทำส่วนนี้ หลังจากแจ้งไปเขาทุบหมดเลยแล้วทำให้เป็นสเต็ปทั้งหมด ล้อหน้าของวีลแชร์จะประมาณ 4-5 นิ้วถ้าเข็นวีลแชร์แล้วเจอสเต็ป 5 เซนติเมตรแล้วข้ามไม่ได้ แล้วเขาทำเป็นแบบนี้หมด เราโพสต์ในเฟซบุ๊กว่า ในกรณีแบบนี้ผมต้องทำอย่างไร ก็มีคนมาคอมเมนต์ว่า ต้องรอจนกว่าเขามาตรวจรับงาน ถ้าไม่ดีก็ส่งแก้ เลยทำให้สงสัยว่า ใครรับบรีฟผิด เพราะผมเขียนส่งไปว่า ตรงนี้เป็นสเต็ป มีทางลาดอยู่นิดนึง ทำให้เป็นทางลาดทั้งหมดเลยหรือเอาปูนมาโป๊ให้เรียบหมด ผมมองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องบังคับใช้กฎหมายมากกว่า พื้นที่ของถนนเป็นของตำรวจ พื้นที่ของฟุตปาธก็เป็นของเทศกิจถ้าผมเข้าใจไม่ผิด หากมีมอเตอร์ไซค์เข้ามาใช้ฟุตปาธในการสัญจร เทศกิจจะต้องทำงานหรือใครก็ตามที่มีอำนาจในการใช้กฎหมายมาทำหน้าที่ เลยเกิดนวัตกรรมเสามาตั้งกั้น มีช่องหน่อยนึงให้วีลแชร์เข้ามาได้แล้วป้องกันไม่ให้มอเตอร์ไซค์มาสัญจรทางเท้า แต่ไม่ใช้วีลแชร์ทุกประเภทจะผ่านไปได้

โครงสร้างพื้นฐานใช่ไหมที่ไม่เอื้อทำให้คนพิการไม่ได้ออกมาใช้ชีวิตและไม่เกิดเสวนาเสียว

เรื่องนี้เป็นเรื่องของความเข้าใจ ที่ผมมาวันนี้ก็อยู่ไกลจากบ้านแต่อยากมาเพื่อสื่อสารกับสังคมว่า ผมคือใคร ผมต้องการอะไร เพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจ พอเข้าใจซึ่งกันและกันแล้วจะเข้าใจว่าแต่ละฝ่ายต้องการอะไร แต่ไม่ได้มีพื้นที่ให้คุยกันแบบนี้มากกว่า

ภาพเจโรมหันข้างให้กล้อง สวมเสื้อโปโลสีเท่ากำลังถือไมค์เล่าประสบการณ์ของตัวเองอยู่

เจโรม ทีโบท์

คนพิการทางการเคลื่อนไหวชาวฝรั่งเศสจากการถูกยิง

 
ที่ประเทศฝรั่งเศสมองคนพิการอย่างไร

เจโรม: ที่ฝรั่งเศสทุกอย่างคนพิการเข้าถึงได้ คนพิการสามารถไปได้ทุกที่ คนอื่นก็ไม่ได้สนใจว่า คุณเป็นคนพิการหรือไม่พิการ แต่ที่ไทยตรงข้ามกัน ทุกคนจะดูเป็นห่วงเป็นใยคนพิการ พร้อมที่จะช่วยเหลือ แต่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกคนพิการเข้าไม่ถึง ตอนนั้นผมออกไปซื้อบุหรี่ที่เซเว่นแต่ผมไม่สามารถเข้าไปซื้อได้ พนักงานเดินออกมาแล้วถามว่าอยากได้อะไร ผมบอกว่าต้องการอันนั้นอันนี้ ตอนไปโรงแรมที่ฝรั่งเศสมีสเต็ป 3 ขั้น ก็ไม่มีใครสนใจ ผมต้องขึ้นเอง แต่มาที่ไทย ผมไปเที่ยวผับที่มีบันได 40 ขั้น รปภ.มาช่วยยกผมขึ้นไปข้างบน

แบบแผนการมองและวิธีปฏิบัติคนพิการที่ต่างกันของประเทศไทยกับประเทศฝรั่งเศสส่งผลต่อวิธีการการมองคนพิการไหม

คิดว่าไม่เกี่ยวเพราะที่ประเทศไทยจะมีคนแบบที่ประเทศฝรั่งเศสเหมือนกัน ที่ประเทศฝรั่งเศสก็มีคนแบบประเทศไทยเหมือนกัน มีทั้งคนใจดีและคนใจไม่ดีปะปนกันไป เลยไม่คิดว่าเป็นปัญหาการมองและปฏิบัติต่อคนพิการ

หากมีคนมาบอกว่า การซื้อกินไม่เหมาะกับคนพิการ เราจะสนับสนุนให้คนพิการออกมาซื้อกินได้อย่างไร

ต่อให้ผมไม่พิการก็ไม่ได้ใช้ชีวิตง่ายไปกว่าเดิมสักเท่าไหร่ ความพิการอาจจะทำให้ใช้ชีวิตยากขึ้นระดับหนึ่งแต่จะมีทางไปเสมอ ถ้าคุณพาตัวเองไปในสถานที่นั้นจะมีคนสนับสนุนคุณ เพราะฉะนั้นออกไปใช้ชีวิต

มองคนพิการกับเรื่องเซ็กส์ยังไงบ้าง

ผมมองว่า เป็นเรื่องปกติทั่วไป ธรรมดามากๆ สำหรับคนที่ชอบพอกันแล้วจะมีเซ็กส์

ช่วยเล่าเซ็กส์ครั้งแรกหลังพิการให้ฟังหน่อยได้ไหม

เซ็กส์ครั้งแรกของผมหลังพิการ ผู้หญิงเขาปฏิบัติกับผมดีมากเลย ทำให้อยากมีเซ็กส์อีก แต่ก็เจอคนที่ไม่ดีเหมือนกัน ผู้หญิงเห็นผมนั่งวีลแชร์ก็ไม่โอเค ทำให้สงสัยว่า คนไม่พิการทำได้แล้วทำไมคนพิการจะทำไม่ได้

คิดว่าเพราะอะไรคนไทยชอบบอกให้คนพิการออกมาใช้ชีวิตให้น้อยที่สุด

เพราะเขาถูกฝังหัวมาว่า คนพิการจะต้องใช้ชีวิตสมถะ หากต้องอธิบายให้กับคนที่มีอายุเยอะฟังว่า กูมีงาน กูมีเมีย กูมีลูก กูมีทุกอย่างได้ แล้วคนพิการกับคนไม่พิการต่างกันตรงไหน นี่เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า คนพิการกับคนไม่พิการเท่ากัน เพราะมีเทคโนโลยีช่วยให้ทำเรื่องต่างๆ ได้ เช่น การขับรถได้ 

เห็นด้วยหรือไม่ที่บริการทางเพศควรถูกกฎหมาย

ที่ประเทศฝรั่งเศสการซื้อบริการทางเพศเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ส่วนตัวมองว่าเรื่องการซื้อบริการทางเพศควรเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายและปกติทั่วไปเหมือนประเทศสวิตเซอร์แลนด์