Skip to main content

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 ต.ค.65 ทีมงาน Thisable.me ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นคนนั่งวีลแชร์ได้เดินทางด้วยเครื่องบินออกจากท่าอากาศยานตรังไปยังท่าอากาศยานดอนเมือง และได้ไปยังจุดรถแท็กซี่สาธารณะให้บริการผู้โดยสารบริเวณชั้น 1 อาคารจอดรถ 7 ชั้น เชื่อมกับโถงผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศ เพื่อเดินทางไปยังมูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน 

จุดรถแท็กซี่สาธารณะให้บริการผู้โดยสารบริเวณชั้น 1 อาคารจอดรถ 7 ชั้น เชื่อมกับโถงผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศที่มีเก้าอี้ให้ผู้โดยสารนั่งรอเพื่อเรียกคิวไปขึ้นแท็กซี่ บริเวณทางออกจะมีป้ายแสดงอัตราการจัดเก็บค่าสัมภาระและค่าโดยสาร และมีตู้เคาน์เตอร์พร้อมกับเจ้าหน้าที่เรียกคิวเพื่อให้แท็กซี่นำผู้โดยสารไปขึ้นรถ

เวลาประมาณ 19.30 น. เจ้าหน้าที่จุดรถแท็กซี่ได้เรียกให้ไปขึ้นรถ เมื่อถึงที่หมายผู้ขับแท็กซี่ได้เรียกเก็บเงินค่าโดยสารเป็นจำนวนเงิน 324 บาท ทั้งที่ค่าโดยสารที่ปรากฎบนมิเตอร์แท็กซี่ราคา 174 บาท และเมื่อรวมกับส่วนต่างเพิ่มอีก 50 บาทตามประกาศกระทรวงคมนาคม ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2551 แล้วก็จะเป็นเงินทั้งหมด 224 บาท 

ขณะที่กำลังหาเงินจ่าย ผู้ขับแท็กซี่แจ้งราคาค่าใช้จ่ายทั้งหมด 324 บาท โดยอ้างว่า  ค่าส่วนต่างที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 100 บาทนั้นเป็นค่าวีลแชร์ และให้เหตุผลว่าวีลแชร์เป็นกระเป๋าสัมภาระขนาดใหญ่ หลังจากนั้นผู้ขับแท็กซี่เร่งให้ผู้เดินทางร่วมกับคนนั่งวีลแชร์ รีบเอากระเป๋าและวีลแชร์ลงด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่ไม่เป็นมิตร

ทั้งที่ผ่านมาทีมงานผู้ใช้วีลแชร์รายนี้เดินทางด้วยเครื่องบินจากท่าอากาศดอนเมือง และใช้บริการจุดแท็กซี่สาธารณะให้บริการผู้โดยสารบริเวณชั้น 1 หลายครั้ง ยังไม่เคยเจอผู้ขับแท็กซี่เรียกเก็บเงินค่าวีลแชร์เพิ่มเติมแต่อย่างใด

บัตรโดยสารรถแท็กซี่สาธารณะท่าอากาศยานดอนเมืองในวันเกิดเหตุ

หลังจากทีมได้ค้นหาช่องทางร้องเรียนจากเว็บไซต์กูเกิ้ล และพบข้อมูลบนเว็บไซต์ว่า “Conversation. ทอท. มีมาตรการการแก้ไขปัญหาแท็กซี่ เอาเปรียบผู้โดยสาร! ไม่มีใครอยากเป็นเหยื่อ หากพบผู้ขับขี่แสดงพฤติกรรมแย่ เอาเปรียบ เรียกค่าโดยสารเกินมิเตอร์ จำไว้เลยเบอร์ 1722 ร้องเรียนได้ตลอด 24 ชั่วโมง #ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ #ท่าอากาศยานดอนเมือง facebook.com/AOTofficial/po… Translate Tweet.” ดังนั้น จึงได้โทรหาเบอร์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่รับสายแจ้งว่าเบอร์นี้มีไว้ร้องเรียนแท็กซี่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเท่านั้นหลังจากโทรติดตามความคืบหน้า 2-3 ครั้ง จากการโทรสอบถามเบอร์ 1722 และเบอร์ประชาสัมพันธ์ท่าอากาศยานดอนเมืองหลายครั้ง เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 65 ได้มีเบอร์ 02-535-3653 โทรเข้ามาแจ้งว่า ได้เรียกผู้ขับแท็กซี่ที่ถูกร้องเรียนได้ถูกเรียกเข้ามารายงานตัวและสอบสวน แต่เจ้าตัวยังไม่มารายงานตัวตามที่ถูกเรียก 

วันที่ 24 พ.ย. 65 พิชญาหนึ่งในผู้เดินทาง ได้เดินทางไปยังสำนักงานการให้บริการรถจ้างสาธารณะท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อพูดคุยกับกิตติพงษ์ พึ่งพา ผู้รับผิดชอบส่วนงานการให้บริการรถจ้างสาธารณะท่าอากาศยานดอนเมืองว่า มีนโยบายกับผู้โดยสารที่เป็นคนพิการอย่างไรบ้าง กิตติพงษ์เล่าว่า ที่จุดรอแท็กซี่ท่าอากาศยานดอนเมืองจะมีช่องพิเศษสำหรับผู้โดยสารที่เป็นคนพิการที่มีความพิการเชิงประจักษ์ เด็ก ผู้สูงอายุ และนักบวช 

ภาพติดประกาศแจ้งเตือนค่าโดยสารตามประกาศกระทรวงคมนาคม กรมขนส่งทางบก ทุกๆ ช่องจะแนบตัวอักษรเล็กๆ ไว้ว่า "ไม่วัดล้อหรืออุปกรณ์ที่ช่วยในการเคลื่อน"

ส่วนเรื่องการเก็บค่าบริการอื่นๆ นอกเหนือจากค่าแท็กซี่ กิตติพงษ์กล่าวว่า ได้ดำเนินการตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดอัตราค่าบริการอื่น กรณีการจ้างโดยมีบริการพิเศษ สำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (TAXI-METER) ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2563 ข้อ 2 ในประกาศนี้ “สัมภาระ” หมายความว่า สินค้า สิ่งของ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ ที่มีการบรรจุกล่อง กระเป๋า มัดรวม หรือบรรจุหีบห่อ และที่มิได้มีการบรรจุแต่มีขนาด ปริมาณ ความกว้าง ความสูง เกินกว่าเป็นสัมภาระติดตัว แต่มิให้หมายความรวมถึงรถเข็นหรืออุปกรณ์สำหรับคนพิการ ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วย เช่น วีลแชร์ ไม้เท้า และ ข้อ 5 การเรียกเก็บค่าบริการอื่นกรณีการจ้างโดยมีบริการพิเศษ ให้เรียกเก็บได้ในกรณี การจ้างจากท่าอากาศยานดอนเมือง หรือท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือการจ้างจากสถานที่อื่นไปยัง ท่าอากาศยานดอนเมือง หรือท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยให้ผู้ขับรถยนต์รับจ้างแจ้งอัตราค่าบริการ ให้ผู้โดยสารทราบล่วงหน้าก่อนทำการรับจ้าง

จากประกาศกระทรวงเห็นได้ว่า ไม่ได้เขียนระบุอย่างชัดเจนว่าห้ามเก็บเงินค่าอุปกรณ์สำหรับคนพิการ แต่กิตติพงษ์ยืนยันว่า อุปกรณ์ช่วยเดิน ไม่ว่าจะเป็นวีลแชร์ ไม้เท้า ผู้ขับไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ ทางหน่วยงานใช้วิธีประชาสัมพันธ์เสียงตามสายและแจ้งเตือนในไลน์กลุ่ม และกิตติพงษ์ยังกล่าวว่า ผู้โดยสารเองก็ต้องสังเกตดูป้ายประกาศกระทรวงคมนาคม กรมขนส่งทางบก ติดป้ายข้อมูลไว้ให้ที่จุดรอรถแท็กซี่ ซึ่งระบุตัวอักษรเล็กๆ เขียนว่า “ไม่วัดล้อหรืออุปกรณ์ที่ช่วยในการเคลื่อน”

ส่วนเรื่องบทลงโทษผู้กระทำความผิด  หากผู้ขับขี่ไม่มารายงานตัวภายใน 30 วัน จะต้องออกจากการเป็นสมาชิกหน่วยงานรับจ้างสาธารณะท่าอากาศยานดอนเมืองเท่านั้น และทางผู้เสียหายจะไม่ได้รับเงินค่าโดยสารที่จ่ายเกินไป หากผู้กระทำความผิดไม่ยอมมาสอบสวน 

อย่างไรก็ดี บทลงโทษดังกล่าวยังมีช่องว่างอยู่มาก ถึงแม้จะถูกตัดสินไม่ให้รับผู้โดยสารจากท่าอากาศยานดอนเมือง แต่แท็กซี่ยังหารายได้จากการรับผู้โดยสารจากที่อื่นๆ ได้อีก และข้อประกาศกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับยังระบุเกี่ยวกับเรื่องอุปกรณ์คนพิการที่มีอยู่นั้นก็ไม่ชัดเจน หากจะร้องเรียนเพื่อให้เกิดบทลงโทษตามกฎหมายจะต้องโทร 1584 ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียนโดยกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น