Skip to main content

“ทำไมคนที่ครบ 32 ไม่ทำแบบเขา (คนพิการ) บ้าง ทำสิ่งดีๆ แค่นั้นแหละ” 

อ่านปาฐกถาคำต่อคำของ ‘นายกรัฐมนตรี’ ในวันคนพิการสากล 2565 

(2 ธ.ค. 65) เวลา 10.00 น. ณ  ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานวันคนพิการสากล ประจำปี 2565 ภายใต้แนวคิด “การปฏิรูปสู่การพัฒนาเพื่อคนทั้งมวล: พลังนวัตกรรมสู่โลกที่เข้าถึงได้และเป็นธรรม” บนแนวคิด “ยุทธศาสตร์แห่งความเสมอภาค (EQUAL) ” นอกจากนี้ยังได้มอบโล่เกียรติคุณแด่คนพิการต้นแบบแห่งชาติและกล่าวปาฐกถา

โดยในปาฐกถา พลเอกประยุทธ์ได้กล่าวโดยมีเนื้อหาใจความทั้งหมดว่า “สวัสดีเช้าวันที่สดใส อากาศก็ดีข้างนอก มาข้างในนี้ก็ได้เห็นบรรยากาศอันอบอุ่น ท่ามกลางพวกเราจำนวนมาก มีทั้งคนไทย ทั้งคนต่างประเทศ วันนี้ก็ถือว่าเป็นวันสำคัญของผมอีกวันหนึ่ง ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องดูแลให้มากที่สุด เรื่องที่นายกสภาคนพิการกล่าวไปเมื่อสักครู่ผมก็ได้จดไปแล้ว แล้วจะไปติดตามว่ามันถึงไหนอย่างไรแล้ว 

“อย่างที่บอกไปว่าวันนี้มีความสุขความสบายใจ และเป็นเกียรติที่ได้มาเปิดงานวันคนพิการสากล ประจำปี 2565 แล้วก็ขอชื่นชมที่ได้เห็นศักยภาพของคนพิการหลายท่านและหลายกลุ่ม หลายอาชีพ ทั้งในส่วนของตัวเอง ภาครัฐ เอกชนและธุรกิจ สิ่งใดก็ตามที่ทำสำหรับคนเยอะๆ เป็นเรื่องดีเพราะรัฐบาลทำไม่ได้ทั่วถึงหรอก บางทีก็มีกฎระเบียบออกมาเยอะแยะแต่ส่วนสำคัญที่สุดก็คือ ไม่มีใครจะแก้ปัญหาได้โดยลำพัง ทางรัฐบาล เอกชนและธุรกิจ ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย ต้องช่วยกันมันถึงจะเดินไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น ขอขอบคุณทุกคนแล้วก็แสดงให้เห็นว่าพวกเรามีจิตใจที่เข้มแข็ง หลายๆ ท่านคงเห็นแล้วว่าคนพิการสู้ชีวิตจริงๆ วันนี้เป็นวันที่ค่อนข้างดีที่จะ … คือรู้สึกตื้นตัน เพราะโอกาสท่านน้อยกว่าคนอื่นเขา แต่ท่านก็พยายามสู้ชีวิตของท่านมา จนถึงวันนี้ ไม่ใช่จะได้ง่ายๆ มาตั้งแต่พิธีกร แล้วทำไมคนที่ครบ 32 ไม่ทำแบบเขา (คนพิการ) บ้าง ทำสิ่งดีๆแค่นั้นแหละ ผมขอแค่ทำสิ่งที่ดีที่งาม ที่มันถูกต้อง ผมขอแค่นั้นเอง ทุกวันนี้เขาพยายามใช้ศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มที่  ก็ขอฝากไว้ในส่วนนี้ 

“หากเรามีจิตใจที่เข้มแข็ง ความพิการก็ไม่ใช่อุปสรรคอะไร อาจจะไม่เหมือนคนอื่น ไม่เท่ากับคนอื่น แต่ถ้าเราดูแลซึ่งกันและกันให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ผมคิดว่าเขาอยู่ได้ เราคนปกติก็ควรจะเผื่อแผ่ให้กำลังใจเขา ช่วยเหลือเขาในทุกโอกาสที่เราทำได้ เพื่อที่จะได้ก้าวไปสู่ความสำเร็จ วันนี้รัฐบาลพยายามสร้างโอกาส สร้างความเสมอภาคและเท่าเทียมให้กับคนทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ให้มุ่งไปสู่สังคม สู่โอกาส หรือสังคมแห่งโอกาสของพวกเราทุกคน เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เรามีคนตั้ง 70 ล้าน ยอดคนพิการประมาณ 3 ล้านกว่า ซึ่งก็เป็นสัดส่วนที่มากพอสมควร คือก็ไม่อยากให้มีคนพิการ ก็มีหลายอย่างทั้งโรคภัยไข้เจ็บ ทั้งอุบัติเหตุ ซึ่งนับวันก็จะมีอย่างอื่นมาเพิ่มอีก ทั้งเรื่องของสังคมผู้สูงวัย วันนี้คือสิ่งสำคัญสังคมผู้สูงอายุ ทุกคนแข็งแรงขึ้นแล้วก็อยู่นานขึ้น เพราะระบบสุขภาพเราก็ทำได้ดีขึ้น ทำอย่างไรจะทำประโยชน์ให้ตัวเองและประเทศชาติด้วย 

“วันนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ได้มีการปฏิรูประบบการขึ้นทะเบียนคนพิการ ซึ่งเมื่อกี้ก็มีข้อเรียกร้อง 1 ข้อที่อยากให้ทำได้รวดเร็วมากขึ้น และให้ทุกท่านได้รับสวัสดิการ ที่ครอบคลุมและทั่วถึง และเราก็ได้มีการทบทวนแก้ไขระเบียบให้สามารถเข้าถึงทะเบียนได้เร็วได้ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาศูนย์บริการคนพิการแบบเบ็ดเสร็จ One stop service ทั้งโรงพยาบาล วันนี้ได้จัดตั้งนำร่องอย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง, Application บัตรประจำตัวคนพิการดิจิทัล สามารถขอรับสิทธิ์และสวัสดิการผ่าน Application ได้เสมือนบัตรจริง นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาและส่งเสริมให้คนพิการมีงานทำกว่า 70,000 ราย ปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยของคนพิการกว่า 3,000 ราย ริเริ่มโครงการจัดหาครอบครัวอุปการะคนที่ไม่มีผู้ดูแลเพื่อส่งเสริมให้คนพิการได้อยู่กับครอบครัว นี่คือสิ่งที่เราเริ่มมาแล้วและจะทำให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ นะครับ รัฐบาลยังให้สิทธิคนพิการและผู้ดูแลคนพิการรับสัมปทานเพื่อจำหน่ายสินค้าและบริการ รวมกว่า 14,000 ราย สร้างรายได้ให้กับคนพิการ 1,600 ล้านบาทต่อปี 

“จากการประชุมเอเปคที่ผ่านมานั้นได้มีการกล่าว รับรองเอกสารเป้าหมายกรุงเทพว่าด้วยเศรษฐกิจ หลายคนคงเข้าใจกันนะ อันนี้เป็นข้อริเริ่มของไทย ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ทุกคนทุกส่วนได้เห็นตรงกัน ในการนำพาประเทศไปสู่ความเจริญ แล้วเราจะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง รวมถึงพวกเราทุกคนในที่นี้ด้วย ที่มีความพิการ ควรได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความเท่าเทียม การมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ การสร้างความเข้มแข็งและขีดความสามารถ ฉะนั้นในปี 2566 ก็เป็นปีสำคัญ ที่เราจะต้องขับเคลื่อนงานด้านคนพิการ สานต่อขยายผลโครงการต่างๆ ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และขับเคลื่อนงานให้สอดคล้องกับปฏิญญาว่าด้วยทศวรรษคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก 2566 ถึง 2575 เพื่อให้คนพิการได้รับสิทธิและสวัสดิการอย่างทั่วถึง 

“ปีนี้รัฐบาลจะมีการประกาศแผนงานด้านพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ฉบับที่ 6 ปี 2566 ถึงปี 2570 เน้นการมีส่วนร่วมและการบูรณาการเข้าถึงอย่างเต็มที่ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม เพื่อสร้างโอกาสให้คนพิการสามารถดำรงชีวิตได้บนศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ส่งเสริมความเสมอภาคอย่างเป็นธรรม แล้วก็เข้าถึงสิทธิประโยชน์ได้อย่างแท้จริง 

“โอกาสนี้ขอแสดงความยินดีกับคนพิการต้นแบบ แล้วก็หน่วยงานที่ได้รับรางวัล ในการสนับสนุนคนพิการ ประจำปี 2565 ที่ร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนให้คนพิการได้เข้าถึง สิทธิประโยชน์ต่างๆ อย่างเสมอภาค และเท่าเทียม ขอขอบคุณสมาคมคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย ผู้แทนองค์กรภาครัฐและเอกชน องค์กรด้านคนพิการ จนผู้มีเกียรติทุกท่าน ขอบคุณท่านผู้แทนสหประชาชาติ 

“เราจะทำให้ดีขึ้น ดีขึ้น วันพรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้ อาทิตย์หน้าต้องดีกว่าอาทิตย์นี้ ปีหน้าต้องดีกว่าปีนี้ นั่นคือสิ่งที่ผมตั้งใจจะทำงานตรงนี้ ด้วยความร่วมมือของรัฐบาล เราทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติ นั่นคือหลักการของรัฐบาลเรา ไม่ได้มุ่งหวังอะไรทั้งสิ้น ยินดีที่ได้เห็นรอยยิ้มของทุกๆ ท่านที่ขึ้นมาบนเวทีนี้ ผมถึงสะท้อนใจว่า ถ้าคนปกติไม่ทำอะไรเลย ผมว่าใช้ไม่ได้ เขายังมีกำลังใจที่จะทำนู่นทำนี่ หาอาชีพทำ เป็นข้าราชการ บางคนก็ทำงานบริษัทต่างๆ ขอชื่นชมด้วยใจจริง ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคอะไรทั้งสิ้น 

“ขอบคุณบรรดาผู้ประกอบการร้านค้า อุตสาหกรรมต่างๆ ที่ได้ดูแลและช่วยเหลือรัฐบาลในการดูแล คนเหล่านี้ การทำเพื่อคนอื่น ทำให้คนมีความสุขมีความอยู่ดีกินดี สิ่งที่ท่านได้ก็คือกุศล วันนี้เรามีคำว่าบุญและกุศล บุญก็ทำกับศาสนาไป ทำพระกับวัดก็ว่าไป นี่คือกุศลทำให้คนในวันนี้เขาอยู่ได้ นี่คือกุศลของท่าน ขอให้ท่านได้รับสิ่งต่างๆ ก็คือความสุข ความภาคภูมิใจ สุขภาพแข็งแรง มีความสุขสวัสดี มีการเจริญเติบโตในธุรกิจของท่าน นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะบอกพวกเรา เพราะผมก็ตั้งใจแบบพวกเขาเหมือนกัน ทำกุศลให้คนอื่น เราจะได้ไปด้วยกันได้แบบไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ก็ขอฝากไว้ด้วยแล้วกัน” 

ที่มา :  https://fb.watch/hg3zb3iOCn/

ที่มาภาพ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ