Skip to main content
เนื่องในวันผู้หญิงนักปกป้องสิทธิสากล โพรเทกชัน อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกับสถานทูตแคนาดาประจำประเทศไทย จัดงานเปิดตัวไดอารี่บันทึกความหวังและความฝันของหญิงนักปกป้องสิทธิ พร้อมอ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐมีมาตรการที่ชัดเจนในการคุ้มครอง ปกป้อง ดูแลผู้หญิงนักปกป้องสิทธิ
 
ภาพงานเปิดตัว Side by Side WHRDs 2018 ไดอารี่บันทึกความหวังและความฝันผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน
 
29 พ.ย. 2560 ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โพรเทกชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกับสถานทูตแคนาดาประจำประเทศไทย จัดงานเปิดตัวไดอารี่บันทึกความหวังและความฝันของผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน เนื่องในวันที่ 29 พ.ย. ของทุกปีเป็นวันผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนสากล และในปี 2561 จะครบรอบ20ปี ของปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยนักปกป้องสิทธิมนุษยชน 
 
ภายในงานมีวงพูดคุยแลกเปลี่ยนการทำงาน และความหวังของนักปกป้องสิทธิผู้หญิงที่เข้าร่วมเปิดตัวไดอารี่ เช่น สมหมาย จันทร์ตาวงศ์ ตัวแทนผู้หญิงให้บริการจากมูลนิธิเอ็มพาวเวอร์, อังคณา นีละไพจิตร ผู้เรียกร้องให้เกิดกฎหมายการอุ้มหายและซ้อมทรมานจากกรณีที่ สมชาย นีละไพจิตร สามีถูกอุ้มหายไปเมื่อหลายสิบปีก่อน, ศรีไพร นนทรี ตัวแทนกลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิต, นุชนารถ แท่นทอง ประธานเครือข่ายสลัม 4 ภาค ผู้ต่อสู้เพื่อที่ดินอยู่อาศัย, อัศนีย์ รอดผล สหพันธ์เกษตรภาคใต้, อรนุช ผลภิญโญ เครือข่ายปฏิรูปที่ดินอีสาน,  นลัทพร ไกรฤกษ์ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวประชาไทและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ข่าวคนพิการทางเลือก,  ชลิตา บัณฑุวงศ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ฯลฯ และภายในงานยังมีการจัดนิทรรศการภาพถ่ายบันทึกความหวังและความฝันของ 20 ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนโดย Luke Duggleby ช่างภาพระดับโลก

ปรียนันท์ ล้อเสริมพัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์
 
ปรียนันท์ ล้อเสริมพัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ หนึ่งในผู้ร่วมเขียนไดอารี่ Side by side WHRDs 2018 Diary กล่าวพร้อมน้ำตาว่า ดิฉันเป็นผู้หญิง เป็นแม่ เป็นผู้เสียหางทางการแพทย์ เมื่อความรักลูกของดิฉันกลายเป็นความผิดสูญสิ้นทุกอย่างแม้กระทั่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เมื่อเริ่มต่อสู้ ดิฉันคือคนที่ถูกฆ่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากความอยุติธรรมในสังคมนี้จนเคยคิดฆ่าตัวตาย เมื่อดิฉันรอดชีวิตและคิดว่าหนีไปไหนไม่ได้ ดิฉันต้องอยู่ในสังคมนี้ และต้องมีส่วนเปลี่ยนแปลงในสังคมนี้การแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด ดิฉันต้องตกเป็นจำเลยอีกครั้งเมื่อถูกฟ้องคดีอาญาจากสภาวิชาชีพ ต้องวิ่งหาเงินประกันตัวและต้องสู้คดีต่อ หลังลูกชายของเธอต้องกลายเป็นคนพิการจากการรักษาของแพทย์เมื่อ 20 กว่าปีก่อน
 
เธอกล่าวต่อว่า เธอต้องการให้หมอกับคนไข้ต้องไม่ฟ้องร้องกันอีก และต้องไม่มีครอบครัวไหนต้องตายทั้งเป็นเหมือนครอบครัวเธอ ทุกคนมีโอกาสได้เป็นคนไข้ และมีโอกาสได้เป็นผู้ได้รับความเสียหายจากทางการแพทย์ทั้งสิ้น ฉะนั้นชีวิตที่เหลือของเธอก็จะพยายามผลักดันให้เกิดระบบเยียวยาผู้เสียหายโดยไม่ฟ้องหมอ ที่ผ่านมาได้จัดทำแคมเปญผ่าน change.org คนในสังคมและบุคลากรทางการแพทย์ร่วมลงชื่อมากมาย ทั้งนี้ได้รวบรวมรายชื่อและส่งมอบให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทวงสาธารณะสุขเมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว ซึ่งแม้จะได้รับคำตอบว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและพยายามที่จะผลักดันให้สำเร็จภายในรัฐบาลนี้ แต่เรื่องก็ยังเงียบอยู่
 
นอกจากวงเสวนา ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐมีมาตรการที่ชัดเจนในการคุ้มครอง ปกป้อง ดูแลผู้หญิงนักปกป้องสิทธิ์ 3 ข้อ ได้แก่ 1.ต้องยุติวัฒนธรรมการทำผิดและลอยนวลพ้นผิด การเลือกปฏิบัติและการใช้หลักนิติธรรมเป็นข้ออ้างในการจัดการกับประชาชน และปฏิเสธไม่ให้ประชาชนเข้าหาความยุติธรรม รวมถึงต้องมีกระบวนการทบทวนอย่างโปร่งใสในกรณีที่มีการใช้คดีเป็นเครื่องมือในการคุกคามผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน 
 2.รัฐและสาธารณชนต้องยอมรับและตระหนักถึงคุณค่าของบทบาทที่สำคัญของผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและต้องมีหลักประกันว่าจะมีการปกป้องคุ้มครองและสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสิทธิความปลอดภัยและความมั่นคงในชีวิตของผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน  3.รัฐต้องยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคที่ร้ายแรงต่อการทำงานของผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน มาตรา 44, คำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 3/ 2558 พระราชบัญญัติห้ามชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 และคำสั่งกฎหมายอื่นๆ ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน และขัดกับสิ่งที่รัฐบอกว่าปรารถนาให้มีส่วนร่วมจากประชาชน
 
นักสิทธิมนุษยชนร่วมงานแถลงการณ์นักสิทธิมนุษยชนร่วมถ่ายภาพกับไดอารี่Side by Side WHRDs 2018 ไดอารี่บันทึกความหวังและความฝัน