Skip to main content

โพลหลายสำนักสำรวจเมืองต่างๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อหาเมืองที่มีการจัดสรรทรัพยากรและสิ่งอำนวยความสะดวกเหมาะกับคนพิการ โดยเฉพาะคนที่ต้องนั่งรถเข็น มีรายชื่อ 7 เมืองต่อไปนี้รวมอยู่ในลิสต์ ไปดูกันว่าเพราะแต่ละเมืองมีอะไรดี ผลสำรวจถึงยอมซูฮกให้ เป็นสวรรค์สำหรับคนพิการ

1. ซีแอตเทิล

เมืองท่าชายฝั่งในรัฐวอชิงตันซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความงามของทิวทัศน์และสภาพแวดล้อมที่ยังสมบูรณ์ อีกทั้งสภาพอากาศก็สบายๆ ไม่หนาวจัดหรือร้อนจัด แค่เห็นทำเลก็ทำให้หลายคนเทใจให้เป็นเมืองนี้เหมาะกับการอยู่อาศัยของคนพิการ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้ลักษณะทางกายภาพก็คือคนและชุมชนในเมืองซีแอตเทิลที่ค่อนข้างเปิดกว้างและมีความคิดความต้องการทำสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้นเพื่อคนพิการ ตัวอย่างเช่นการสร้างโครงข่ายการคมนาคมที่เชื่อมต่อกันทั่วถึงทั้งเมืองทำให้คนพิการเดินทางไปไหนมาไหนสะดวก ถึงขนาดติด 1 ใน 10 ของเมืองที่มีระบบคมนาคมที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา แถมรถเมล์ยังมีทางขึ้นที่สามารถปรับระดับให้นำรถเข็นขึ้นและมีที่นั่งในรถสำรองให้คนนั่งรถเข็นขึ้นลงได้ไม่ลำบากด้วย นอกจากนี้ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวที่ต้องนั่งในรถเข็นอย่างครบครัน และสิ่งที่คนพิการชื่นชมกันมากคือ ที่นี่เปิดกว้างในการจ้างคนพิการเข้าทำงาน คนพิการที่อยู่ที่นี่ส่วนใหญ่ใจพองโตกันทุกคน แล้วจะไม่ให้เมืองนี้เป็นอันดับต้นๆ ของเมืองเพื่อคนพิการได้อย่างไร

2. เดนเวอร์

เมืองหลวงของรัฐโคโลราโด นอกจากการเดินทางด้วยระบบรถไฟใต้ดินที่สะดวกสบายแล้ว เทศบาลเมืองยังได้จัดให้มีรถบริการรับ-ส่งคนพิการไปยังป้ายรถเมล์หรือสถานีรถไฟโดยเปิดให้บริการ 23 ชั่วโมงต่อวัน 7 วันต่อสัปดาห์โดยไม่จำกัดจำนวนเที่ยว พร้อมตั้งศูนย์ช่วยเหลือคนพิการที่มีอยู่ในสถานีรถไฟใต้ดินเกือบทุกแห่ง และที่สำคัญคือมีกิจกรรมสันทนาการและเทศกาลทางวัฒนธรรมต่างๆ เพียบ ทั้งการแข่งขันกีฬา งานศิลปะ การแสดงดนตรี ละครเวทีและบัลเล่ต์ ทำให้คนพิการไม่มีคำว่าเหงา แถมในสถานที่เหล่านี้มักมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้คนพิการอย่างครบครัน เช่นในสนามกีฬาที่ใช้แข่งเบสบอล อย่าง Coor Stadium ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เข้าถึงได้สะดวกที่สุดสำหรับคนทุกเพศทุกวัย และเป็นศูนย์การแสดงของเมืองเดนเวอร์ โดยในสนามมีที่นั่งเหมาะกับทุกคนและมีการปรับสภาพอากาศในศูนย์กีฬา และด้วยความคิดที่ต้องการให้คนเข้าถึงกีฬาให้มากขึ้น ถึงขนาดยอมทำทางเข้าที่ติดกับถนนสายหลักและทางด่วน พร้อมจัดบริการรถรับ-ส่ง เป็นต้น เท่าที่กล่าวมาก็คงพอให้คนพิการหรือแม้แต่คนที่ไม่พิการตาลุกวาวได้

3. ซอลต์เลคซิตี

เมืองหลวงของรัฐยูทาห์เป็นเมืองที่มีบ้านเรือนส่วนใหญ่เพื่อให้คนทุกเพศทุกวัยอยู่อาศัยได้สบาย มีระบบขนส่งและการรับ-ส่งระหว่างระบบขนส่งต่างๆ อย่างดีเยี่ยมทั้งยังมีศูนย์ข้อมูลและให้ความช่วยเหลือคนพิการเรื่องที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับสภาพบ้านหรือช่วยเหลือเรื่องค่าเช่าบ้าน นอกจากนี้ยังมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมีศูนย์กีฬาเพื่อคนพิการหรือที่เรียกว่าเดลตา เซนเตอร์ (Delta Center) ซึ่งได้รับรองมาตรฐานการให้บริการแก่คนพิการ และที่สำคัญที่สุดคือค่าครองชีพต่ำมากซึ่งเทียบแล้วต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทุกเมืองในสหรัฐฯ 10 เปอร์เซ็นต์ แถมไม่ปิดกั้นโอกาสการทำงานของคนพิการด้วย

4. ชิคาโก

เมืองศูนย์กลางความเจริญด้านการเงิน การคมนาคม และวัฒนธรรมของรัฐอิลลินอยส์ แม้หน้าหนาวของเมืองนี้จะทรมานคนพื้นถิ่นตามสมญานามว่า เมืองแห่งลม แต่สิ่งที่ทำให้ใครหลายคนยกให้เมืองนี้เหมาะแก่การอยู่อาศัยของคนพิการก็คือระบบคมนาคมที่สะดวกสบาย ไม่เป็นสองรองใคร เพราะมีสถานีรถไฟกว่า 90 สถานีแถมยังลดค่าตั๋วให้ผู้โดยสารที่เป็นคนพิการ และมีพื้นที่ให้ชาวเมืองได้ลั้ลลากันเต็มที่ แถมยังเปิดให้คนพิการเข้าร่วมได้อย่างไม่ขัดเขิน ชุมชนของคนพิการที่นี่ค่อนข้างเข้มแข็งเหนียวแน่น และมักมีงานสังสรรค์กันอยู่เสมอ ทำให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ที่สำคัญกว่านั้นคือโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขที่พร้อมสรรพ และมีระบบแผนที่เมืองซึ่งเทศบาลเมืองร่วมกับมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์พัฒนาขึ้นเพื่อระบุตำแหน่งสิ่งก่อสร้าง ศูนย์ออกกำลังกาย ทางเดิน รวมไปถึงร้านค้าที่เอื้อต่อการใช้งานของคนพิการ โดยระบบแผนที่นี้จะสามารถบอกได้เลยว่าถนนตรงไหนมีทางลาดชัน เป็นเนินสูง เป็นทางเดินแคบ หรือสถานที่ใดมีประตูแคบ รวมถึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้างสำหรับคนพิการ แล้วด้วยความพร้อมขนาดนี้จะไม่ให้เมืองนี้ติดโผเมืองสวรรค์ได้อย่างไร

5. อัลบูเคอร์คี

เมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐนิวเม็กซิโก ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา เมืองนี้ได้รับการยอมรับในเรื่องอากาศที่เย็นสบาย (10-16 องศาเซลเซียส) และด้านสาธารณสุขที่ดีเยี่ยมเพราะนอกจากโรงพยาบาลจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมรับคนพิการทุกรูปแบบแล้ว ยังมีศูนย์รักษาโรคเฉพาะทางกระจายอยู่ทั่วเมืองอีกด้วย นอกจากนี้รถโดยสารประจำทางที่ให้บริการมีส่วนลดให้ผู้ใช้บริการที่เป็นคนพิการ รวมทั้งมีบริการรถตู้รับส่งจากป้ายรถเมล์ไปยังที่ต่างๆ ในเมือง ส่วนคนที่ใช้รถเข็นหรือผู้สูงอายุที่ใช้ไม้เท้า รวมถึงเด็กๆ ที่จะวิ่งเล่นก็หมดห่วงเรื่องทางขรุขระ เพราะในเมืองนี้ทำทางเดินเป็นพื้นเรียบตลอดเส้นทาง ทำให้คนพิการที่ต้องนั่งรถเข็นเข็นรถได้แบบไม่มีสะดุด และยังจัดที่จอดรถสำหรับคนพิการไว้ให้อีกเพียบ

6. มินนีแอโพลิส

เมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐมินนิโซตา รัฐทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกาก็ติดโผด้วยผังเมืองสุดเก๋ไก๋ เพราะทำให้บ้านทุกหลังในเมืองอยู่ไกลจากสวนสาธารณะกลางเมืองไม่เกินในรัศมี 800 เมตร นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่เป็นมิตรอย่างยิ่งกับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะคนพิการเพราะมีการช่วยเหลือและบริการต่างๆ เป็นอย่างดี เช่น มีบริการล่ามแปลภาษามือ เอกสารต่างๆ มีอักษรเบรลล์กำกับ รวมถึงป้ายบอกทางตัวใหญ่หรือมีภาพเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนที่มีปัญหาทางการได้ยินด้วย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมมากมายให้คนพิการและชาวเมืองได้ร่วมหรรษา ตั้งแต่การยิงธนูหรือการเล่นกอล์ฟของคนพิการ การเต้นรำและการเล่นเบสบอล และยังมีสถานที่จัดแสดงดนตรีและการแสดงมากมาย และล่าสุดได้สร้างทางเชื่อมที่มีชื่อเป็นทางการว่า Minneapolis Skyway System ทางเชื่อมระหว่างอาคารที่มีหลังคาคลุมมิดชิดและปรับอุณหภูมิในทางเชื่อมได้ทำให้ผู้นั่งรถเข็นไม่ต้องเข็นรถฝ่าแดดร้อนหรือลมพายุ ซึ่งรับรองว่าอยู่เมืองนี้ไม่มีเบื่อแน่นอน

7. รีโน

เมืองในรัฐเนวาดาซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา เมืองเล็กๆ ที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นและมีลมแรงตลอดปี แต่สิ่งที่ดึงดูดให้คนเดินทางมาและคนอยู่อยู่ได้อย่างสบายก็คือการจัดโครงข่ายของรถเมล์และรถรางที่ทำให้คนทุกเพศทุกวัยรวมถึงคนพิการเข้าถึงได้ง่าย มีบริการรถรับ-ส่งไปยังสถานีรถไฟและป้ายรถเมล์ทั่วเมือง หรือจะโทรศัพท์ขอรับบริการ Shuttle bus ให้มารับคนพิการไปยังพื้นที่ต่างๆ ของเมืองก็ทำได้ และหากเป็นคนพิการที่อาศัยอยู่คนเดียว สามารถติดต่อขอให้เทศบาลเมืองช่วยหาคนดูแลได้ นอกจากนี้ในสนามกอล์ฟ สวนน้ำ ลานสเก็ต สวนสาธารณะ หรือฟิตเนสก็เตรียมอุปกรณ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนพิการอย่างครบครัน และที่โดดเด่นกว่าเมืองอื่นก็ตรงที่มีกิจกรรรมยามค่ำคืนทั้งคาสิโน ผับ บาร์ ที่ทำให้เมืองนี้ไม่เคยหลับใหลและทำให้คนพิการที่ชอบท่องราตรีหลงรักเมืองนี้ไปตามๆ กัน

 

บทความชิ้นนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่
7 Cities for Disabled People