Skip to main content

หลังถูกปฏิเสธจากบริษัทถ่ายแบบเสื้อผ้าเด็ก เมแกน แนชได้โพสต์รูปลูกชายที่เป็นดาวน์ซินโดรมจนถูกแชร์อย่างกว้างขวางในแคมเปญรณรงค์ เพื่อให้แบรนด์สินค้ายอมรับนางแบบโฆษณาที่ร่างกายไม่สมบูรณ์ด้วย


ภาพของแอชเชอร์จากเฟซบุ๊ก Kids with Down Syndrome.

8 พ.ย.2559 เว็บไซต์เดอะอินดิเพนเดนท์รายงาน กรณีเมแกน แนช แม่ชาวอเมริกัน โพสต์รูปลูกชายบน เพจเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Changing the Face of Beauty ซึ่งเป็นแคมเปญที่สร้างขึ้นเพื่อรณรงค์ให้แบรนสินค้าต่างๆ ยอมรับนางแบบที่ไม่ได้มีร่างกายครบสมบูรณ์ โดยโพสต์ของแนชเกิดขึ้นหลังลูกชายถูกปฏิเสธจากบริษัทถ่ายแบบเพราะพิการด้วยโรคดาวน์ซินโดรม การเข้าร่วมของเธอทำให้เกิดการพูดถึงอย่างกว้างขวาง และได้รับข้อความให้กำลังใจอย่างล้นหลามจากคนในโลกออนไลน์ อีกทั้งเกิดการตั้งคำถามว่า อะไรคือมาตรฐานของความงาม

เมื่อเดือนกรกฎาคม แนชจากรัฐจอร์เจียได้ส่งรูปแอชเชอร์ ลูกชายวัย 15 เดือน ให้กับบริษัทเอเจนซี่โฆษณาแห่งหนึ่งในแอนแลนตาซึ่งกำลังคัดเลือกเด็กเพื่อถ่ายแบบโฆษณาของแบรนเสื้อผ้า OshKosh B’Gosh หลังเวลาผ่านไประยะหนึ่งเธอกลับไม่ได้รับการตอบกลับใดๆ จากบริษัทเอเจนซี่ดังกล่าว รวมทั้งรูปลูกของเธอยังไม่ได้เข้าไปอยู่ในระบบการคัดเลือกอีกด้วย

เว็บไซต์เคจีดับเบิลยูดอทคอม ในเครือเอ็นบีซี รายงานถึงเหตุผลของเอเจนซี่ เมื่อแนชตั้งคำถามว่า ทำไมจึงไม่มีการตอบรับ และได้รับคำตอบว่า เพราะแบรนด์เสื้อผ้าไม่ได้ต้องการเด็กที่มีความต้องการพิเศษ

“บริษัทได้พูดหรือไม่ว่า พวกเขาจะไม่รับคัดเลือกเด็กที่มีความต้องการพิเศษ” แนชตั้งคำถามต่อบริษัทเอเจนซี่ และเธอเพิ่มเติมว่า แอชเชอร์นั้นมีเกณฑ์ที่ครบตามข้อกำหนดทุกอย่าง ทั้งขนาดตัว สีตาและสีผม

จนในที่สุดเอเจนซี่ก็กล่าวว่า นี่ไม่ใช่นโยบายของบริษัทและกล่าวขอโทษกับเธอ

เรื่องราวของแนชสร้างความสั่นสะเทือนต่อการตั้งคำถามถึงความงาม โดยหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว แนชได้แชร์รูปของแอชเชอร์ในกลุ่มของเด็กที่เป็นโรคดาวน์ซินโดรม รูปเหล่านั้นถูกถ่ายขึ้นโดยช่างภาพที่ชื่อคริสตัล บาร์บี แอชเชอร์ในเสื้อเชิ้ตยีนส์ ที่ผูกด้วยโบว์ลายทาง โพสต์ท่าทางต่างๆ บนฉากหลังสีฟ้า โพสต์ของเธอถูกแชร์กว่า 110,000 ครั้งจากผู้ใช้กว่า 92,000 คน



แอชเชอร์ในท่าทางต่างๆ
รูปจาก เฟซบุ๊ก Asher’s Down Right Perfect

การถูกปฏิเสธของแอชเชอร์ ทำให้กลุ่มคนที่เป็นดาวน์ซินโดรมลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงมุมมองด้านความงาม หลังจากก่อนหน้านี้ในปี 2554 ช่างภาพที่ชื่อ อีวา สนอยจิง ได้ปล่อยภาพชุดของเด็กที่เป็นดาวน์ซินโดรมกว่า 100 คน และเมื่อไม่นานมานี้ เมดเดอลีน สจวตต์ นางแบบอาชีพคนแรกที่เป็นดาวน์ซินโดรม ก็ได้ขึ้นเดินแบบในซีซั่นที่ 3 ของนิวยอร์กแฟชั่นวีก หลังจากเคยร่วมงานกับ โว้ก คอสโมโพลิแทน เพเพอร์ แอลและมารี แคลร์

หลังจากการโพสต์และเรียกร้องดังกล่าว บริษัท OshKosh ก็ได้ออกมาบอกว่า พวกเขายินดีมากที่จะนำเสนอความหลากหลายของลูกค้าในการโฆษณา พร้อมทั้งติดต่อหาแนชโดยตรงเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการคัดเลือก และกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่จะนำเสนอภาพของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ

“พวกเรายินดีมากที่คุณแนชต้องการให้สังคมนี้เป็นสังคมสำหรับคนทุกคนอย่างแท้จริง ต้องขอบคุณที่เธอทำให้เราได้ตระหนักในประเด็นเหล่านี้ เรารับประกันว่า ในแคมเปญโฆษณาต่อไปที่จะเกิดขึ้น เด็กที่มีความต้องการพิเศษ จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมัน รวมทั้งพวกเราอยากจะเชิญแอชเชอร์มาถ่ายภาพโฆษณา และอยากรู้จักเขา ครอบครัวของเขาให้ดีขึ้นในอนาคต” ตัวแทนบริษัท OshKosh กล่าวกับเว็บไซต์เดอะวอชิงตันโพสต์

โรคดาวน์ซินโดรม เป็นโรคทางพันธุกรรม เกิดขึ้นจากการมีโครโมโซมคู่ที่ 21 มากกว่าปกติ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยโรคนี้มีความผิดปกติทั้งทางสมองและร่างกาย เช่น การได้ยิน สายตา ปัญหาหัวใจ ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค ในแอตแลนตาระบุว่า ดาวน์ซินโดรมเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้มากที่สุด โดยพบว่า ในแต่ละปีเด็กกว่า 6,000 คน ที่เกิดในสหรัฐอเมริกา จะเป็นโรคดาวน์ซินโดรม

แนชกล่าวว่า ถึงแม้ลูกชายของเธอจะมีความพิการ แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นข้อจำกัดที่ขวางเขา แอชเชอร์สามารถนั่งได้ด้วยตัวเอง และใกล้ที่จะเดินได้ แม้เขาจะยังไม่พูดคุย แต่เขาก็สามารถใช้ภาษามือเพื่อสื่อสารกับคนในครอบครัว และเธอได้สร้างเพจที่ชื่อว่า Asher’s Down Right Perfect เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของลูกชาย

“แอชเชอร์ก็มีความเป็นปัจเจก ไม่ต่างจากคนอื่นๆ เขาอาจจะเป็นดาวน์ซินโดรม แต่ก็ไม่ได้มีทุกอาการของมัน เขาตัดสินใจในเรื่องของตัวเอง ชอบหรือไม่ชอบ อ่อนแอหรืรอเข้มแข็ง และนั่นทำให้เขาแตกต่าง ดาวน์ซินโดรมเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่บอกว่าเขาเป็นใคร เขาอาจจะยังไม่รู้หรือรู้ช้ากว่าที่สังคมคาดหวังว่า เขาจะเป็นอะไร แต่นั่นแหละ เป็นสิ่งที่เขาต้องใช้เวลา และอาจใช้เวลามากกว่าคนอื่นสักนิดในการค้นหาตัวตน แต่ไม่มีอะไรที่จะหยุดเขาได้” เธอกล่าว “ฉันต้องการที่จะเปลี่ยนมุมมองของสังคม แม้ว่าในตอนนี้คนจะยอมรับมากขึ้น แต่ก็ยังมีงานมากมายให้ทำ ที่รออยู่ตรงหน้า”

 

แปลและเรียบเรียงจาก