Skip to main content

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหากกล่าวถึงชื่ออินฟลูฯท่านหนึ่งอย่าง หนูรัตน์หรือเฮเลน - สุภัคชญา ชาวคูเวียง ก็คงไม่มีใครไม่รู้จักเธอ เพราะนอกจากความน่ารัก สดใสแล้ว การพูดไม่ชัดและความเป็นคนซื่อยังเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ใครหลายคนรู้สึกเอ็นดูเธอ และมอบโอกาสในการทำงานหลายต่อหลายอย่างให้ 

แต่แม้เส้นทางการเติบโตจะเดินทางผ่านเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของผู้ติดตาม เฮเลนก็เคยเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก ทั้งการดูถูก บูลลี่และการถูกลดทอนความสามารถ Thisable.me จึงชวนเธอเล่าย้อนถึงช่วงชีวิตวัยเด็ก สู่การเดินทางของนักแสดงลิเก และอินฟลูฯ ดาวติ๊กในทุกวันนี้ 

ชีวิตวัยเด็กของเฮเลน

“ชีวิตตอนเด็กๆ ต้องถามคุณพ่อคุณแม่เพราะหนูจำไม่ได้ จําได้ตอนห้าขวบเดินไปเที่ยวงานวัด ไปดูลิเก ตอนนั้นก็หูตึงแต่ก็ได้ยินอยู่ ยังดูได้

“ตอนเด็กหนูไปโรงเรียนวัดยาง มีเพื่อนแกล้ง ให้ขี่คอแล้วร่วง หัวโน บวม จมูกหักเลย ตอนเด็กๆ หนูโดนแกล้งเยอะ หลังจบ ม.3 ก็เรียนต่อ ปวช.สายบัญชี ตอนนั้นเรียนรู้เรื่องนั่งเรียนหน้าห้องเลย ไม่งั้นไม่ได้ยิน ตอนเรียนเพื่อนจะคอยช่วยบอก วิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ยากที่สุดเพราะเราเรียนไม่ค่อยเก่ง

“หนูเคยถูกครูตีเพราะทําคณิตศาสตร์ไม่ถูก มันทํายาก จนต้องเรียน ป.1 ใหม่อีกปี นอกจากนั้นหนูยังไม่สบายบ่อย ปวดท้องเพราะไม่ได้กินข้าว พ่อแม่ไม่มีตังค์ ตอนนั้นจนมากเลย บ้านที่อยู่เป็นบ้านไม้ เป็นบ้านหลวงของเทศบาลที่เขาให้อยู่ไปก่อน ความฝันหนึ่งเลยอยากมีบ้านของตัวเอง”

ไม่มีงานทำ

“พอโตมาเรียนจบเราก็ไม่มีงานทํา ไม่มีใครจ้าง เคยมีคนรวยเห็นเราในโซเชียลก็พาไปซื้อของ เลี้ยงข้าว แต่เขาก็หายไปแล้ว 

“ตอนหนูไปสมัครงานกับเพื่อนหลังเรียนจบ ที่โรงงานกระเบื้องกับโรงงานปูน เพื่อนได้งานแต่หนูไม่ได้ เขาบอกว่าไม่รับคนพิการ เกรดเราก็ไม่ถึง”

ตัวตนของเฮเลน

“ตัวจริงเราเป็นคนตลก ตลกตั้งแต่เด็กๆ ก็มีเครียดบ้าง เวลาโดนคนด่าหนูก็เครียด เวลาโดนพวกกะเทยแกงหาว่าหนูเป็นกะเทย แต่เราไม่ได้เป็นกะเทย หนูเป็นผู้หญิง ทําไมต้องมาแกง หนูไม่ชอบถูกล้อว่ากะเทย เคยเสียใจจนร้องไห้เลย เวลาถูกว่าหนูไม่ด่ากลับนะเดี๋ยวไม่มีงาน เวลามีคนมาด่าก็อ่านข้ามไป

“หนูคิดและทำคอนเทนต์เอง มีความสามารถอะไรก็ทําไป บางคลิปก็เต้นแล้วคนชอบ มีคนจะแชร์เยอะไปทั้งประเทศก็รู้สึกดี คลิปอวยพรนี่ก็คิดเอง ในคลิปก็จะแต่งตัวหลายลุค ลุคบอยๆ จะแพงสุดคือสามพันบาท คำอวยพรต่างๆ แฟนคลับก็จะเขียนมา ส่วนหนูก็เขียนเพิ่ม งานอวยพรนี่ทำมาหลายปีแล้ว ส่วนมากคนที่ได้ก็บอกว่า ชอบมาก ทําถูกใจมากก็ให้ทิปเพิ่มร้อยนึง หนูคิดว่าคนจ้างหนูเยอะเพราะคนเห็นผลงานที่หนูทำ ทั้งคิดเอง ถ่ายเอง หาสถานที่เอง ซื้อเครื่องปริ้นท์มาปริ้นท์กระดาษเอง

“นอกจากอวยพรหนูก็ยังอยากถ่ายคลิปรีวิวสินค้า ที่ผ่านมาเคยรีวิวเครื่องสําอาง พัดลม รองเท้า เวลาเรารีวิวเราใช้จริงหมดเลย ตอนรีวิวพัดลมหนูก็เปิดให้ดูว่าเย็นดี

“เวลาไปงาน ไปห้าง หนูมีแฟนคลับมาถ่ายรูป เขาบอกว่าติดตามอยู่แล้วก็ขอลายเซ็นต์ มีคนมาดูคลิปเราเยอะ”

ไม่สนใจเรื่องความรัก

“คนอื่นๆ บอกว่า คนเขาไม่เอาคนหูตึงหรอก ไม่ชอบคนหูตึงหรอก คุณครูก็สอนไว้ว่าอย่ามีแฟน กินอยู่คนเดียวจะสบาย หนูก็เลยคิดว่าจะไม่มีแฟน ทํางานอย่างเดียว ไม่สนใจเรื่องความรัก ถ้าขยันทำงานจะได้ทําบ้านแล้วก็หาเพื่อนมาอยู่ด้วยกัน”

สุขภาพและความสวยความงาม

“หนูไม่เคยไปหาหมอเรื่องหู ได้ยินเท่านี้แล้วก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เครื่องช่วยฟังก็ซื้อเองจากแอพออนไลน์ อันละ 200 กว่าบาทแต่ใช้ได้ไม่กี่เดือนก็พังต้องซื้อใหม่ หนูหาหมอเพราะทำศัลยกรรม เมื่อสองปีที่แล้วหนูอยากสวย จะได้มีงานมีเงินซื้อบ้านไวๆ หนูไม่มีเงินหรอกก็เลยทำผ่านงานจ้าง เขาจ้างให้โปรโมทคลีนิก ที่ผ่านมาก็ทำหน้าผาก จมูกและคาง 

“ตอนไปทำหน้าไม่รู้สึกเจ็บนะ เพราะวางยา แต่พอตื่นมากลับบ้านก็อ้วกเลย พักฟื้นไม่นาน ทำตามที่หมอบอก ล้างแผลทุกวัน 7 วันก็ตัดไหม พอทำหน้ามาก็มีงานเรื่อยๆ”

เข้าสู่วงการหมอลำ

“พอหางานไม่ได้ ก็เลยเปลี่ยนตัวเองเป็นเซเลป เป็นดารา และก็อยากเป็นนางเอกลิเก เลยทำไลฟ์ลงโซเชียลเยอะๆ เพื่อให้คนมาดู คนแมวจะได้เห็น เราไลฟ์มาตั้งแต่ปี 2558 ไลฟ์ทุกวัน ทำคลิปเต้น หลังจากนั้นในปี 2560 ก็ได้เจอกับพี่พัลลภที่เห็นเราเต้น เขาคิดว่าเราไม่มีงาน เลยเอาชุดลิเกมาให้แต่งตัว หลังจากนั้นก็ได้เล่นลิเก

“วันแรกที่เล่นลิเกก็ตื่นเต้น หนูได้บทดาวตลก ซึ่งจะมีบทร้องสั้นๆ ไม่เกิน 6 บันทัด ทุกๆ ครั้งมีคนดูเยอะ และหนูดีใจทุกครั้ง”

มีอะไรอยากฝากเพื่อนๆ แฟนคลับ

“ก็อยากให้กําลังใจ ขอให้มีความสุข ถ้าพิการก็เปิดร้านขายของดีกว่า เช่น ครีม ขนมอบกรอบ พริกทอด หรือไม่ก็ทำงานออนไลน์ เพราะถึงเรียนจบก็หางานทำยาก”