Skip to main content

ที่ผ่านมา ภาพจำเกี่ยวกับร้านนวดคนตาบอดในความทรงจำของคุณเป็นอย่างไร บางคนบอกว่าร้านนวดคนตาบอดนั้นไม่สวยงาม ไม่สะอาด หรือไม่ก็บอกว่าหมอนวดมีบุคลิกไม่ดีเหมือนกับร้านนวดคนตาดี ด้วยภาพจำที่ว่ามาเหล่านี้ ทำให้ร้านนวดคนตาบอดต้องตั้งราคานวดต่ำกว่าร้านนวดร้านอื่น กล่าวคือในขณะที่ร้านนวดคนตาดี อาจนวดได้ชั่วโมงละ 300 บาท แต่ร้านนวดคนตาบอดกลับได้ชั่วโมงละ 100-150 บาทเท่านั้น

ชวนคุยกับเปรมา ปุณณธนภัสสร เจ้าหน้าที่สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย ผู้ดูแลร้านนวดอาสาวดี ซึ่งให้คำนิยามตัวเองว่า เป็นร้านนวดคนตาบอดแนวใหม่ ที่จะยกระดับของร้านนวดคนตาบอดทั้งในแง่คุณภาพของการบริการและภาพลักษณ์ของหมอนวด อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ที่ผ่านมาร้านนวดคนตาบอดมีภาพลักษณ์ไม่น่าจดจำ และท่ามกลางวิกฤตของสถานการณ์โควิด-19 ร้านนวดคนตาบอดจะอยู่รอดได้อย่างไร

จุดเริ่มต้นของอาสาวดี

เมื่อเข้าไปในสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย เราจะเห็นร้านนวดร้านหนึ่งสีสันสวยงาม ร้านนวด “อาสาวดี” นี้เป็นร้านนวดที่ดำเนินการโดยคนตาบอด และมีหมอนวดทั้งหมดเป็นคนตาบอด ผนังสีม่วงและเขียวตัดด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ขอบสีทอง ดูแล้วให้ความหรูหราพร้อมไปกับความอบอุ่น

เสียงต้อนรับดังมาจากเปรมา เธอเล่าว่าเธอเริ่มมีปัญหาสายตาเมื่อ 14 ปีก่อนจากโรคต้อหิน คนเป็นโรคนี้มีแต่ทรงกับทรุด หลังจากมองไม่เห็นเธอจึงก้าวเข้าสู่แวดวงคนตาบอดผ่านการทำงานในสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยและทำงานที่นี่มาได้หกปีแล้ว แม้ช่วงแรกที่เริ่มมองไม่เห็นเปรมาจะรู้สึกแย่และรับไม่ได้ แต่เมื่อรู้สึกตัวว่าสิ่งที่เป็นอยู่ไม่มีประโยชน์จึงเดินหน้าสู้ ปรับตัวและเริ่มลุยการทำงานในร้านอาสาวดี

“อาสาวดีเป็นงานรายได้ของสมาคมฯ โดยมีวัตถุประสงค์ในการเปลี่ยนทัศนคติของคนทั่วไปที่มีต่อร้านนวดตาบอด และส่งเสริมให้คนตาบอดสร้างมูลค่าจากการนวดได้มากขึ้น นอกจากการทำร้านแล้ว สมาคมฯ ยังมีโครงการยกระดับร้านนวดคนตาบอด โดยมีอาสาวดีเป็นร้านต้นแบบ

“อาสาวดีเปิดให้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของาร้านนวดตาบอดมาศึกษา โดยปกติค่านวดในร้านนวดตาบอดจะอยู่ที่ 100-150 บาทต่อชั่วโมงไม่เคยแตะถึง 200 บาท การทำให้อาสาวดีเป็นต้นแบบในการพัฒนาร้านนวดตาบอดจะช่วยเป็นแนวทางในการเพิ่มมูลค่าได้ ความน่าสนใจของอาสาวดีคือเรามีการคิดคอนเส็ปและเลือกวัสดุ โดยมีดอกอาสาวดีซึ่งเป็นดอกไม้ในตำนาน 1,000 ปีออกหนึ่งครั้งและมีกลิ่นหอมมากเป็นสัญลักษณ์ นอกจากกลิ่นเฉพาะแล้ว สีที่ใช้ในร้านยังให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในป่าหิมพานต์ และได้เพลงจากสถาบันดนตรีคนตาบอดบรรเลงภายในร้าน”


พนักงานใช้ศอกค่อยๆกดลงไปบริเวณบ่า

ภาพลักษณ์ของร้านนวดคนตาบอดยังไม่ค่อยดี

อย่างไรก็ดี เปรมายอมรับว่าที่ผ่านมาภาพลักษณ์ของร้านนวดคนตาบอดยังด้อยกว่าร้านนวดของคนตาดี และมีอีกหลายอย่างที่ควรต้องปรับปรุงเพื่อให้เกิดมาตรฐาน

“การรับรู้ของคนในสังคมที่มีต่อร้านนวดคนตาบอดยังแตกต่างจากร้านนวดตาดี เรายอมรับว่าพอคนตาบอดมองไม่เห็นก็ทำให้หลายอย่างพลาดไป เช่น 5ส. ความสวยงามหรือการตกแต่งร้าน เพราะคนตาบอดมองไม่เห็น หลายครั้งร้านนวดตาบอดจึงมีแต่เตียงเรียงกัน ไม่มีฉากกั้น สภาพไม่ค่อยน่าดู ช่วงสามปีหลังเราจึงทำโครงการอบรมยกระดับสถานประกอบการ

“จุดเด่นของอาสาวดีคือเราต้องการเเข่งขันในตลาดทั่วไป อยากให้เเข่งขันได้โดยที่คนใช้บริการไม่รู้สึกว่าบริการนี้ถูกจัดการโดยคนตาบอด แต่สามารถเทียบเท่าร้านนวดอย่าง Heathland ตั้งแต่เปิดร้านในวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมาและมีฟีตแบคที่ดี ตอนนี้เราก็ทำการตลาด หากลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น

“หมอนวดของเราดำเนินการรับสมัครมาเป็นปี มีทั้งหมด 6 คนทั้งตาเลือนรางและบอดสนิท ก่อนแต่ละคนทำงานจะต้องอบรมเทคนิคการนวดที่ศูนย์บริการคนตาบอด 6 วัน โดยมีเคล็ดลับเด็ดคือท่านวดตำรับอาสาวดี หมอทุกคนต้องจดทะเบียนผู้ให้บริการตามกฏหมายตามกฏระเบียบของกระทรวงสาธารณสุข  นอกจากนี้ยังต้องอบรมบุคลิกภาพ ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็นมากในการเปลี่ยนทัศนคติ"


พนักงานกำลังนวดบริเวณบ่าไหล่ ในท่านั่ง

ท่านวดตำรับอาสาวดี

“ตำรับอาสาวดีเป็นการนวดแบบราชสำนัก เน้นนวดเพื่อผ่อนคลาย มีท่าเฉพาะตัวของที่ร้าน ชุดที่ใส่ลูกค้าใส่เป็นชุดเฉพาะ ไม่เหมือนกับร้านนวดอื่นตรงที่เป็นแขนยาวและใส่สบาย ลักษณะคล้ายชุดนอน แขนยาวนั้นเหมาะกับการนวดช่วงโควิด-19 เป็นอย่างมาก เพราะทำให้พนักงานวดไม่ต้องสัมผัสตัวลูกค้าโดยตรง ต้องยอมรับว่าโควิด-19 เปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคไปสิ้นเชิง

“การนวดของอาสาวดีมีสามแบบคือ นวดตำรับอาสาวดี นวดคอบ่าไหล่และนวดเท้า ลูกค้าหลายคนเป็นออฟฟิศซินโดรมก็เลือกนวดคอบ่าไหล่ ทั้ง 3 แบบราคาเท่ากันคือชั่วโมงละ 300 บาทและหากมาในช่วงแฮปปี้อาวส์ 11-12.00 น. ก็จะเหลือชั่วโมงละ 250 บาท

“คนทั่วไปอาจจะไม่เข้าใจว่าหมอนวดตาบอดนวดยังไง จับเส้นยังไง คนตาบอดเมื่อมองไม่เห็นก็จะใช้ปลายนิ้วสัมผัส จะใช้เก่งหรือไม่ขึ้นกับประสบการณ์ คนที่ไม่เคยมองเห็นเลยต้องใช้นิ้วใช้มือสัมผัสตั้งแต่เกิดก็อาจจะมีความชำนาญได้ง่าย คนตาบอดมีสัมผัสในการนวดที่แม่นยำ ใช้สมาธิในการจับกระดูกและเส้น เวลามองไม่เห็นสมาธิเราก็อยู่ที่มือ และที่สำคัญหมอนวดทุกคนต้องผ่านการอบรมนวดและสอบตามหลักสูตรเดียวกับคนตาดี”


ขั้นตอนการล้างเท้าในอ่างสีขาว ล้อมรอบด้วยหินสีขาวก้อนใหญ่
 

อาชีพหมอนวดหลังสถานการณ์โควิด-19

เนื่องด้วยในช่วงที่ผ่านมา โควิด-19 กระทบอาชีพนวดเข้าอย่างจัง ทั้งการปิดร้าน รวมถึงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมก็ทำให้คนหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องสัมผัสตัวกัน หมอนวดตาบอดเป็นอีกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก ไม่แพ้อาชีพอิสระอื่นๆ ดังที่เปรมาเล่าว่า

“โควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้ร้านนวดถูกปิด ตั้งแต่ล้อคดาวน์หลายคนตกงาน แม้จะมีเงินเยียวยารายบุคคลแต่ไม่มีการเยียวยาร้าน อย่างไรก็ดีการเข้าถึงระบบลงทะเบียนเพื่อรับเงิน 5,000 บาทก็ยังเป็นเรื่องยาก คนตาบอดต้องวานเจ้าหน้าสมาคมฯ ช่วยลงทะเบียน บางคนก็ให้ญาติพี่น้องช่วย หลังจากคลายล็อคดาวน์มาตรฐานความปลอดภัยต่างๆ ก็เพิ่มมากขึ้น ร้านต้องทำจุดคัดกรอง มีเจลล้างมือ มีม่านกั้น จนทำให้บางร้านยังเปิดไม่ได้เพราะไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัย

เปรมาเล่าว่า คนตาบอดหลายคนพักอาชีพนวด ไปร้องเพลงหรือค้าสลาก ถ้าไม่เจอโควิด-19 อุตสาหกรรมนวดน่าจะไปได้ไกลในช่วงนี้หลังจากรัฐบาลดันประเทศให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

“สำหรับคนที่เคยนวด ชอบนวดแก้อาการ ปวดเมื่อยจากการเล่นกีฬา ก็อยากให้ลองมานวดกับเรา อาสาวดีรักษาความปลอดภัย พนักงานนวดทุกคนใส่หน้ากาก มีชุดแขนยาว และมาตรการความปลอดภัยที่รัดกุมแน่นอน”

https://www.facebook.com/AsawasdeeBlindMassage


บริเวณห้องนวดแบบ 3 เตียง

คชรักษ์ แก้วสุราช
มัลติมีเดีย, Editor
content creator ที่หน้าตาดีที่สุดในตำบลบึงยี่โถ