Skip to main content

“ไว้จะรอเธอเดินได้นะ"ฟังเผินๆ อาจจะไม่มีอะไร แต่คำตอบของเขาทำผมรู้สึกจุกจนพูดอะไรไม่ออก เหมือนพูดว่า “ไว้เดินได้ค่อยมาคุยกัน”

" ก่อนใช้วีลแชร์ผมกับแฟนรักกันมาตลอด จนกระทั่งสงกรานต์ในปีนั้น แฟนกลับบ้านที่ต่างจังหวัด แต่ผมเที่ยวสงกรานต์ที่กรุงเทพฯ ในระหว่างทางกลับบ้านหลังเล่นสงกรานต์ ผมประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และได้รับบาดเจ็บที่ไขสันหลัง

ผมนอนแอดมิดอยู่ที่โรงพยาบาล รอเวลาผ่านไปเกือบ 3 อาทิตย์ แฟนก็มาเยี่ยม คำแรกที่เขาถามคืออาการ ผมตอบไปว่า “ต้องตั้งใจทำกายภาพ การบาดเจ็บที่ไขสันหลังไม่สมบูรณ์ 100% มีโอกาสที่จะกลับมาเดินได้ แค่ต้องทำกายภาพหนัก ๆ ” พอได้ยินคำตอบ เขาเพียงแค่พยักหน้าแล้วมองดูผมที่นอนอยู่บนเตียง ที่แม้แต่มือของผมเขาก็ยังไม่จับ

------

“ถ้าเราเดินไม่ได้เธอจะทำยังไง” ผมถามเขา
เขาตอบทันทีว่า “ไว้จะรอเธอเดินได้นะ”

------

ฟังเผิน ๆ อาจจะไม่มีอะไร แต่คำตอบของเขาทำผมรู้สึกจุกจนพูดอะไรไม่ออก เหมือนพูดว่า “ไว้เดินได้ค่อยมาคุยกัน” อะไรอย่างนั้น ในใจลึก ๆ ก็เข้าใจเขาเพราะสภาพของเราเป็นแบบนี้ แต่เราเองก็ไม่อยากให้เขาอยู่หรือคบเพราะความสงสาร อีกอย่างเขาก็คงอยากจะบอกเลิกเราไปในตัว หลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย

ถัดมาไม่กี่วัน ฟ้าก็ส่งคนสำคัญ ที่นอกเหนือจากพ่อแม่และเพื่อนรักมาให้เราอีกหนึ่งคน เขาคนนั้นรู้จักกับผมตั้งแต่สมัยเรียนมหา’ลัย ตอนนั้นเขาเรียนปี 4 ผมเรียนปี 1 ช่วงนั้นเรามีความรู้สึกดี ๆ ให้กัน ไปเที่ยวด้วยกัน แต่ลึก ๆ ผมเองก็แอบทำใจมาตลอดว่าวันนึงอาจจะไม่ได้คุยกับเขาอีก แต่ไป ๆ มา ๆ เรากลับคุยกันแบบไม่รู้สถานะนานถึง 3 ปีเต็ม และเพราะความไม่ชัดเจนนี้เองผมจึงเลือกคบกับแฟนที่ทิ้งผมไปตอนเกิดอุบัติเหตุ

------

“ถ้าคนนั้นทิ้งไปแล้ว เราขอดูแลแทนได้มั้ย”
เขาถามขึ้นหลังจากเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้ผมเลิกกับแฟน
ผมอึ้ง ๆ แต่ก็ตอบกลับทันทีว่า
“โอเค”

------

จากนั้นมาเราก็ดูแลกันและกัน เขาเข็นวีลแชร์ผมออกไปเที่ยวไหนต่อไหนโดยไม่เขินอายและบอกเพื่อน ๆ ว่าผมคือ
“แฟน” อย่างเต็มปาก เราคบกันมา 2 ปีครึ่ง โดยที่เราไม่เคยทะเลาะกันเลย แต่สุดท้ายก็เลิกกันในวันที่ผมยังเดินไม่ได้

วันนั้นทุกอย่างปกติเหมือนทุกวัน แต่จู่ ๆ เขาก็หายไป และผมติดต่อเขาไม่ได้อีกเลย จากวันเป็นอาทิตย์ จากอาทิตย์เป็นเดือน ผมเสียใจมากแต่ทำอะไรไม่ได้ ใช้เวลานานเกือบปีผมถึงจะทำใจกับเรื่องนี้ได้

------

เมื่อถึงวันเกิดของผม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมดูที่หน้าจอมันขึ้นเป็นเบอร์ของเขาที่โทรเข้ามา ผมกดรับสาย เราพูดคุยกัน ผมได้แต่ถามหาเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไป

เขาบอกว่า “ขอโทษ” ที่หายไปเพราะคิดว่าตัวเองดีไม่พอ

"เราไม่อยากกลับจากที่ทำงานมาเหนื่อย ๆ แล้วต้องมานั่งกังวลเรื่องคุณ กลัวจะดูแลคุณได้ไม่ดี ยิ่งทำให้เหนื่อย"

ผมอึ้งและเถียงว่าทั้งหมดนี้ไม่เคยขอให้ทำ ลำพังเป็นภาระที่บ้านก็รู้สึกแย่มากพอแล้ว ถ้ารู้ว่าเป็นภาระคนที่รักอีกก็ยิ่งเจ็บปวดมาก

หลังจากเราคุยกันเสร็จเขาก็พยายามขอคืนดี แต่สำหรับผมที่ทำใจกับการไม่มีเขาได้แล้ว ขอเลือกที่จะไม่กลับไป เพราะเราไม่อยากให้เขารู้สึกว่าเราเป็นภาระและไม่อยากเจ็บกับเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว ”