Skip to main content

ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เราได้มีโอกาสเข้าไปที่คลินิกที่แอบซ่อนอยู่ในศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ อย่างศูนย์สิรินธร จังหวัดนนทบุรี ท่ามกลางความวุ่นวายของคนที่มาต่อคิวพบหมอ ข้างๆ ลานกว้างที่ทำไว้ให้ผู้ป่วยที่นั่งวีลแชร์ได้จอดรถของพวกเขารอหมออย่างสบายๆ มีคลินิกลึกลับแห่งหนึ่ง อยู่หลังประตูสีขาวบานนั้น

“เมื่อก่อนคลินิกอยู่ตึกด้านหลัง แต่ก็ย้ายมาอยู่ตึกข้างหน้า เพราะคนไข้จะได้มาง่ายๆ” คำบอกเล่าจากปากของเทอดเกียรติ ฉายจรุง นักวิชาการสาธารณสุข หรือพี่อ๋า นักให้คำปรึกษาเพื่อการฟื้นฟูในคลินิกเติมรัก ดูแลการปรับตัวทางจิตสังคมและความพร้อมของครอบครัว

“เติมรัก” เป็นชื่อที่ทำให้คลินิกแห่งนี้ดูเป็นมิตร นอกจากจะเป็นที่ปรึกษาให้คนไข้ที่เป็นผู้ป่วยไขสันหลังบาดเจ็บเกี่ยวกับเรื่องบนเตียงแล้ว ยังให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องชีวิตคู่ ครอบครัว ไปจนถึงความไม่สบายอกสบายใจเกี่ยวกับอวัยวะ ‘ตรงนั้น’ ที่ไม่ค่อยมีใครกล้าพูดถึง

จากสถิติที่ว่า คนพิการจากการบาดเจ็บที่ไขสันหลัง จำนวนครึ่งหนึ่งมีปัญหาการแข็งตัวของอวัยวะเพศไม่เพียงพอ และอีกร้อยละ 30 เท่านั้นที่ยังมีเพศสัมพันธ์ได้ปกติ อีกทั้งภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหากมีการแข็งตัวของอวัยวะเพศ การหลั่ง หรือการถึงจุดสุดยอด จึงทำให้คนพิการหลายคนที่ถึงแม้จะเกิดอารมณ์ทางเพศ แต่ก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไร เทอดเกียรติ จึงฟอร์มตัวคลินิกแห่งนี้ พร้อมกับ..รักษินา มีเสถียร แพทย์ชำนาญการเวชศาสตร์ฟื้นฟู ดูแลด้านการใช้ยาและร่างกาย และประนอม กระจายศรี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ดูแลเรื่องการจัดการตัวเองในชีวิตประจำวัน ประจำการที่คลินิกแห่งนี้ เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีแล้ว



ภาพประกอบ นลัทพร ไกรฤกษ์
 

คลินิกเติมรักทำอะไร

..รักษินา: เราไม่ได้ดูแค่เรื่องเพศสัมพันธ์อย่างเดียว แต่เราดูไปถึงเรื่องครอบครัวด้วยว่า ถ้าจะทำให้ชีวิตไปถึงจุดที่มีความสุขจะต้องมีอะไรบ้าง ต้องมีเรื่องเพศสัมพันธ์ ต้องมีเรื่องความรักภายในครอบครัว มีอาชีพ มีความรู้สึกภูมิใจในตัวเอง ฯลฯ เขาถึงจะใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม รวมทั้งเตือนเรื่องที่เขาจะต้องเจอเมื่อเป็นผู้ป่วยไขสันหลังบาดเจ็บด้วย

ส่วนมากคนไข้จะเป็นคนหนุ่มๆ อายุ 20-30 ปี ตั้งแต่นิยมขี่บิ้กไบท์ ก็ล้มกัน รอดตายกันเยอะมาก โดนยิงก็เยอะ ที่ต้องมีคลินิกเพราะต้องคุยนาน ไม่สามารถคุยแป๊ปๆ เหมือนผู้ป่วยนอกได้ สามารถนำญาติของผู้ป่วยเข้ามาคุยกับหมอ พยาบาล นักให้คำปรึกษา เพื่อร่วมกันตัดสินใจและดูระบบแถวนั้น (ระบบสืบพันธ์) ว่ามีความพร้อมรึยังที่จะนำอออกมาใช้งาน ดูความพร้อมเรื่องจิตสังคม การปรับตัวว่าคนไข้พร้อมจะกลับไปใช้ชีวิตรึยัง

กลุ่มเป้าหมายของคลินิกคือใคร

พ.ญ.รักษินา: เป้าหมายของเราค่อนข้างชัดเจนมาก คือกลุ่มคนพิการจากการบาดเจ็บไขสันหลัง (Spinal Cord Injury- SCI) เป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกๆ เพราะคนกลุ่มนี้มักต้องกลับไปประคับประคองชีวิตครอบครัว

ก่อนหน้านี้หมอดูแลคนไข้ไขสันหลังบาดเจ็บอยู่แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่่หมอส่วนใหญ่ไม่ได้ลงดีเทล ไม่ได้เข้าถึงง่ายๆ ไม่ได้รักษาในเรื่องการแพทย์อย่างเดียว แต่รักษาครบทุกด้าน

เทอดเกียรติ: ก่อนหน้านี้การให้คำปรึกษาไม่ได้ลงลึกถึงเรื่องนี้ แต่คนไข้ร้อยทั้งร้อยที่เข้ามาปรึกษาอยากจะรู้เรื่องนี้ คนไข้ถามทุกคนว่าจะทำยังไง ทำได้ไหม ผมต้องใช้ยังไง เห็นได้บ่อยๆ ที่วัยรุ่นไปใช้ยากันเอง ซื้อยาแบบไม่มี อย. ใช้ไปใช้มาตายเลย ความรู้ที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่น่านำมาพูดถึง คนไข้จะได้ปลอดภัย

เอาเข้าจริงวิธีฝึกเพื่อให้อวัยวะตรงนั้นมันโด่เด่อาจไม่ต้องกินยาก็ได้ ต้องฝึกทุกวัน เพื่อให้เกิดความเคยชินว่า เมื่อมีการแตะ เสียดสี อวัยวะตรงนั้นจะแข็งตัวขึ้น ไม่ใช่พอโดนเสียดสีแล้วหดเลย แบบหลายๆ คนเจอ

คนไข้ร้อยละ 70 สามารถแข็งตัวได้โดยไม่ต้องพึ่งยา เพียงแค่ขาดความมั่นใจ หน้าที่ของเราก็คือการใส่ความมั่นใจเข้าไป

ผลตอบรับเป็นอย่างไร

เทอดเกียรติ: ดีเกินคาด เพราะคนไข้กลับมานอนกับเมียได้ แถมมีเมียน้อยด้วย (หัวเราะ)

เวลาเราถามคนไข้ว่า พี่ๆ นอนกับผู้หญิงได้มั้ย เขาก็จะตอบว่า “สบ๊ายยย แค่นี้กระจอก” แต่ในใจอาจจะเน่าไปแล้วก็ได้ ความรู้สึกทำไม่ได้มันมากเหลือเกิน

การบาดเจ็บไขสันหลัง (SCI) มีกี่แบบ ต่างกันยังไง

เทอดเกียรติ: แยกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ คือระดับบน คนที่คอหัก กับระดับล่างลงมา อาจมีอีกระดับคือระดับหน้าอก ที่เห็นว่ามีการหลั่งน้ำอสุจิดีๆ ก็คือระดับคอ และอก ยิ่งไกลจากเอวขึ้นไปเท่าไหร่ ยิ่งดี อวัยวะเพศจะแข็งดี หลั่งออกได้ดี ถ้ายิ่งใกล้เอวจะยิ่งเหี่ยวลงเพราะโดนเส้นประสาทส่วนปลาย การบาดเจ็บของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน หลายคนใส่สายสวนปัสสาวะ ก็ใช้วิธีการกระตุ้นก็ยังขึ้นอยู่ แต่เราไม่แนะนำให้ใส่สายสวนแล้วมีเพศสัมพันธ์ เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ คุณต้องจัดการตัวเองก่อนมีเพศสัมพันธ์ เช่น ความสะอาด การติดเชื้อ

ทำไมหมอเมืองไทยไม่ค่อยกล้าคุยเรื่องเพศ

..รักษินา:  เพราะนี่คือสังคมไทย จริงๆ หมอเมืองนอกพูดเรื่องนี้แทบจะเป็นเรื่องแรกๆ ว่าเดี๋ยวคุณจะเจอปัญหาแบบนี้นะ ให้ลองกลับไปมีเพศสัมพันธ์กับแฟนเลย ถ้าเกิดมีไม่ได้กลับมาบอกหมอแล้วหมอจะช่วย แต่ที่ไทยไม่คุยกันตามการปลูกฝัง และยิ่งเป็นคนพิการด้วย

ถ้ามีคนพิการในบ้านนอก บอกแม่ว่า “แม่ผมจะเอาเมีย” (แม่ ผมอยากมีเมีย)
แม่ก็คงตอบว่า “สูสิเอาเฮ็ดหยัง เป็นจังซี้มันก็บาปแฮงแล้ว” (จะมีทำไม แค่นี้ก็บาปมากแล้ว)

ดูเป็นเรื่องเคราะห์กรรม เรื่องบาป เรื่องความไม่เหมาะสม ไม่ควร ทำไมต้องไปหาภาระใส่ตัวเอง ซึ่งมันควรปรับแนวคิดใหม่ได้แล้วว่า เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมชาติ ถ้าตราบใดแม้แต่หมอบางโรงพยาบาลยังไม่มองว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ เขาก็ยังรู้สึกว่า คนพิการไม่ควรคิดถึงเรื่องนี้

คนไข้บางคนเคยถามหมอ และหมอตอบกลับมาว่า “เป็นอย่างนี้ยังจะเอาอีกเหรอ”

เรื่องอะไรที่คนไข้อยากถามหมอ แต่ไม่กล้าถาม

..รักษินา: คนป่วยเขาเกิดคำถามขึ้นในหัวเยอะแยะไปหมด และหนึ่งในคำถามสำคัญเลยคือ ผมจะเอาได้ไหมครับ ผมจะนอนกับเมียได้ไหมครับ และจะเป็นปมด้อยเลย ถ้าเขาไม่สามารถทำอะไรได้ทั้งๆ ที่เขาเป็นผูู้ชาย ยิ่งคนที่เมื่อก่อนเคยทำได้ดีในเรื่องนี้ เขาก็ฝ่อ ความรู้สึกเป็นผู้นำหายไปเลย เรื่องนี้ต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจ แม้กระทั่งตัวภรรยาของเขาเองก็ต้องมานั่งคุยกันว่า ทำได้นะ ยังมีความสัมพันธ์กันได้นะ ไม่ใช่พอเกิดความพิการปุ๊ป ผัวก็นอนบนเตียงคนไข้ เมียก็นอนปูผ้าข้างล่าง ความสัมพันธ์ก็หาย ไม่ใช่ครอบครัว นั่นบ้านนะไม่ใช่โรงพยาบาล ต้องเปลี่ยนแนวคิดซะใหม่

ฟังๆ ดูแล้วเป็นเคสผู้ชายซะเยอะ มีผู้หญิงเข้ามาปรึกษาบ้างไหม

..รักษินา: มี ส่วนมากผู้หญิงจะวิตกกังวล ที่ต่างกันคือของผู้หญิงความรู้สึกจะเปลี่ยนไป จะไม่เสร็จเหมือนเดิม การมีเซ็กส์ทำเพื่อให้ผู้ชายเสร็จมากกว่า แต่ก็สามารถเสร็จได้จากจุดอื่น จุดรับสัมผัสดีๆ ที่ยังเหลืออยู่ที่อื่นแทน เช่น หน้าอก หู  ฯลฯ

เมื่อถึงจุดสุดยอด ทั้งชายและหญิงจะมีลักษณะคล้ายๆ กัน คือเกิดภาวะเอดี (AD- Autonomic Dysreflexia) เอดีคืออาการหัวใจเต้นแรง หายใจห้วง เฮ้อ สบาย ต่างจากคนทั่วไปตรงที่คนทั่วไปจะมีอาการเสียวสุดๆ ความดันขึ้น ชีพจรขึ้น หน้าแดงก่อนที่จะเสร็จ แต่นี่คือไม่รู้สึกเสียว มีความสุขแต่ เนื่องจากเส้นประสาทไม่สามารถลงไปเลี้ยงส่วนล่างได้ เวลาปรับตัวถึงแม้จะชีพจรช้าลงแต่ความดันกลับสูงขึ้น มีวูบๆอะไรได้หากเกิดอาการใจสั่น เอดีเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ได้เกิดเฉพาะตอนมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น เช่นเป็นเล็บขบ แผลกดทับ ปัสสาวะตัน ติดเชื้อ ฯลฯ ถ้ามีอาการก็ต้องขึ้นมานั่งทันที ทำให้ความดันกลับสู่ปกติไวๆ 

AD หรือ Autonomic Dysreflexia เรียกเป็นภาษาไทยว่า ภาวะระบบประสาทออโตโนมิคผิดปกติ เกิดจากการทำงานของภาวะระบบประสาทออโตโนมิคผิดปกติ เป็นภาวะฉุกเฉินทางด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู ทำให้ผู้ป่วยชัก เส้นเลือดในสมองแตกหรือเสียชีวิตได้

AD เกิดจดการบาดเจ็บของไขสันหลังตั้งแต่ระดับกระดูกหน้าอกข้อที่ 6 ขึ้นไป ถึงกระดูกเอวส่วนที่ 2 ทำให้การสื่อสารระหว่างสมองและร่างกายส่วนล่างไม่เป็นไปตามปกติ ร่างกายจึงสูญเสียการปรับสมดุลอัตโนมัติ เมื่อถูกกระตุ้นบริเวณที่ต่ำกว่าส่วนที่บาดเจ็บ

----

ระหว่างที่เรา 4 คนนั่งคุยกัน คนไข้คนแรกของวันก็นั่งวีลแชร์เข้ามาในห้องด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แม้การสนทนาของเธอ จะไม่ถูกบันทึกไว้โดยเรา และไม่สามารถถอดเรียบเรียงออกมาได้อย่างละเอียด แต่ความรู้สึกและน้ำเสียงของเธอมันช่างเด่นชัด และจดจำได้ดีกว่าน้ำเสียงไหน

เธอเป็นผู้หญิงวัย 30 ปลายๆ หน้าตาใจดี ผมสั้นบ๊อบ สวมชุดของศูนย์ฟื้นฟูสิรินธร เธอเป็นพยาบาลซึ่งประสบอุบัติเหตุทางถนน จนทำเส้นเส้นประสาทบริเวณหลังเสียหาย ตอนนี้แม้ว่าเธอจะสามารถช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง กินข้าว แปรงฟันเองได้ แต่ก็ยังหวังว่า การฟื้นฟูจะช่วยให้เธอสามารถกลับไปทำกับข้าวให้ลูกกิน และทำหน้าที่ของภรรยาแก่สามีเท่าที่จะทำได้

แน่นอนล่ะ เรื่องแบบนี้ เป็นใครก็เขินที่จะพูด เสียงในห้องเหมือนจะเงียบลง จนเราได้ยินเสียงหายใจของตัวเองชัดขึ้น ทุกคนรอให้เธอถามอะไรบางอย่าง และเริ่มบทสนทนาที่เธอสงสัย ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 ก็เริ่มบทสนทนากับผู้เข้ารับการปรึกษา และลื่นไหลมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพวกเขาทำให้มันดูเป็นเรื่อง ‘ปกติ’ ที่พูดกันได้อย่างไม่ต้องเคอะเขิน เราก็เลยถามต่อ :-)

----


เทอดเกียรติ ฉายจรุง นักวิชาการสาธารณสุข เจ้าหน้าที่คลินิกเติมรัก

คนบาดเจ็บไขสันหลัง ต้องการมีเพศสัมพันธ์จะต้องทำอย่างไร

พยาบาล: ในทางการพยาบาลจะเน้นว่า ต้องจัดการเรื่องปัสสาวะ อุจจาระให้ได้ การจัดการขึ้นอยู่กับแต่ละเคสว่าเขาจะจัดการตัวเองยังไง มีบ้างที่ยังใส่สายสวนปัสสาวะอยู่แล้วต้องการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อซ้ำ หมอกับพยาบาลจึงมักแนะนำให้เอาสายออก แนะนำเรื่องการสวนปัสสาวะที่ถูกต้อง เพราะคนไข้บาดเจ็บไขสันหลังส่วนมากจะฉี่ไม่หมดหรือฉี่ไม่สุดเพราะกระเพาะปัสสาวะหดเกร็งไม่ได้เท่าเดิม เนื่องจากเส้นประสาทระบบส่วนล่างมีปัญหา ไม่อย่างงั้นความดันกระเพาะปัสสาวะจะขึ้นและอาจทำให้ไตวายในอนาคตได้ จนอายุไม่ยืน ทั้งๆ ที่คนบาดเจ็บไขสันหลังสามารถมีอายุได้ยืนหากไม่มีโรคแทรกซ้อน

บางครั้งคนพิการมีสายฉี่คาอยู่ที่อวัยวะเพศ ผู้หญิงก็ไม่อยากจะมีเพศสัมพันธ์ด้วย หรือบางทีคนพิการหญิงมีเมนส์อยู่ มีตกขาวอยู่ หรือมีอะไรที่เสี่ยงทำให้ตัวเองติดเชื้อก็คือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคู่ด้วยที่ต้องเน้นย้ำ

วิธีการคุยกับฝ่ายหญิง และชาย แตกต่างกันไหม

พยาบาล: ด้วยวัฒนธรรมคนไทยที่ไม่ค่อยคุยเรื่องเพศกัน บางครั้งเมื่อมาปรึกษาที่คลินิก ก็ต้องแยกกันคุย เพื่อให้มีความเข้าใจตรงกันเสียก่อน เช่น หากผัวพิการ เราก็อาจจะต้องคุยกับเมียเรื่องความสัมพันธ์ ตอนนี้เป็นยังไง นอนกันยังไง รู้สึกยังไงกับสามี หัวใจสำคัญของคำถามเพื่อทำให้รู้ว่า คุณเข้าใจรอยโรคที่เกิดขึ้นแค่ไหน ถ้าเขาไม่เข้าใจ ปัญหาหลายอย่างก็จะตามมา เช่น การตั้งความหวังที่ผิด คิดว่าจะกลับมาเดินได้ หรือการมองว่าเป็นคนป่วย ไม่ให้ทำอะไร 

ฟากผู้ชายเองก็มีปัญหามากหากภรรยากลายเป็นคนพิการ หลายคนรู้สึกว่า ตัวเองกำลังทำร้ายคนพิการ เมื่อต้องมีเพศสัมพันธ์กัน

หรือหากหนักกว่านั้น เมื่อฝ่ายหนึ่งมีความพิการ อีกฝ่ายอาจต้องลาออกจากงานเพื่อมาดูแล หรือถ้าไปทำงานก็ทนไม่ไหวกับการรับโทรศัพท์ด้วยความหึงหวงของฝ่ายที่ต้องอยู่บ้าน อย่างคำถามว่า กลับกี่โมง อยู่ที่ไหน ฯลฯ ความขี้ระแวงจะเกิดขึ้น และยิ่งหนักในเคสที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายพิการ

ถึงแม้ผู้หญิงจะง่ายกว่าผู้ชาย ไม่ต้องมีการปรับท่าเยอะ มีลูกได้ แต่ก็ต้องระวังตอนท้อง ตอนคลอด เพราะเขาจะไม่รู้สึกเมื่อเจ็บท้อง ต้องฝึกคลำท้องตัวเอง

ที่ผ่านมา มีคนไข้ตั้งท้องหลายคนไหม

พยาบาล: มี แต่น้อยมาก เคสที่เคยเจอสามารถคลอดได้เอง คนป่วยจะท้องได้หลังจากบาดเจ็บสัก 6 เดือน การมีเพศสัมพันธ์ผู้หญิงพิการก็อาจเป็นฝ่ายรับ แต่ถ้าผู้ชายพิการอาจมีการใช้อุปกรณ์เสริม ก่อนมีลูกควรตรวจความแข็งแรงของสเปิร์มและอาจต้องใช้วิธีการแยกสเปิร์มออกมาแล้วค่อยฉีดกลับเข้าไปในตัวผู้หญิง

ฝ่ายชายส่วนมากจะเกิดปัญหาหลั่งไม่ออก ก็จะใช้ไวเบรเตอร์สั่นเพื่อกระตุ้น ให้มีการหลั่งออกมา โดยเอาอุปกรณ์นี้้ไปจ่อที่หัวอวัยวะเพศ

ตอนท้องต้องระวังอะไรมากเป็นพิเศษ

..รักษินา: ยาที่ผู้บาดเจ็บไขสันหลังต้องกินเยอะมาก มีผลต่อเด็ก แต่เมื่อหยุดยาก็ส่งผลต่อแม่ เช่น เกร็งเยอะขึ้น ฯลฯ หรือพอท้องโต กระบังลมก็ถูกเบียด ทำให้เป็นปอดอักเสบได้ง่ายขึ้น เป็นขาบวมได้ง่ายขึ้น ถ้ารอยความพิการอยู่สูง ผู้หญิงก็จะไม่รู้สึกว่าลูกดิ้น ซึ่งอันตรายเวลาจะคลอด ต้องสอนจับ ว่ามดลูกเกร็งถี่ จังหวะเท่าไหร่ต้องไปหาหมอ

ระวังการย้ายตัวที่อาจจะกระแทกท้อง และพอลูกคลอดแล้ว ถ้าเป็นระดับหน้าอกลงไป เมื่อให้นมลูกก็อาจจะเกิดภาวะ AD ได้

สิ่งที่ประทับใจในการเป็นเจ้าหน้าที่คลินิกนี้

พยาบาล: บางคนชีวิตครอบครัวไม่ดีอยู่แล้วก่อนบาดเจ็บ กลายเป็นว่า พอบาดเจ็บเขาเข้ามาปรึกษา ชีวิตครอบครัวก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน บางคนชีวิตก็คาบเส้นแดง เกือบจะเลิกกันแล้ว ก็ชีวิตดีขึ้น

เทอดเกียรติ: บางคนพบรักกันที่นี่ ทั้งคู่เป็นคนพิการ แต่ก็มีเยอะที่เลิกกันไป สุดท้ายเราคิดว่า ถ้าหากคนหนึ่งเป็นคนไม่พิการ ความสัมพันธ์จะดีที่สุด ถึงหากพิการ ก็ต้องเป็นความพิการที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เยอะ คนๆ นั้นต้องดูแลทั้งตัวเองและคู่ชีวิตได้

ถ้ารัฐบาลสนับสนุนสวัสดิการคนพิการ มีระบบสาธารณูปโภคที่ใช้งานได้ ปัญหาที่พบจะหมดไปไหม

..รักษินา: น่าจะดีขึ้นถ้ารัฐบาลสนับสนุน อย่างในเมืองนอกที่รัฐบาลสนับสนุน อัตราเลิกราก็น้อยกว่านี้เยอะ เพราะเขาไม่ต้องมาคอยหาเงินทดแทนในจุดที่รัฐบาลควรจะมีให้ คนพิการก็อยู่ด้วยกันได้โดยไม่มีปัญหาเรื่องเงิน หรือแม้แต่โรงพยาบาล พอเกิดปัญหาความพิการ ก็จะหานักให้คำปรึกษา เพื่อให้คำปรึกษาเรื่องครอบครัว การเรียน อาชีพ ฯลฯ แต่ถามว่าบ้านเรามีสักกี่โรงพยาบาลที่เป็นแบบนี้ แทบไม่มีเลย พอพิการก็ถูกตราหน้าว่าพิการ ให้เตรียมคนดูแล เตรียมรถเข็น แค่นั้นถือว่าจบ

เรื่องนี้เป็นค่านิยมด้วยว่า คนพิการกลายเป็นคนที่ต้องพึ่งพา ขนาดรถไฟฟ้ายังมีลิฟต์ไม่ครบทุกสถานีเลย คนพิการไปไหนเองยังไม่ได้เลย

เทอดเกียรติ: คนไทยถูกปลูกฝังเรื่องความสงสาร เวทนานิยม กรรมซะเยอะ จนคนพิการรู้สึกด้อยค่าในตัวเอง คนพิการบางคนฝึกมาจนถึงจุดหนึ่ง แต่แค่ออกนอกบ้านก็ยังทำไม่ได้เลย