Skip to main content

"มุมมองคนพิการที่ผมรู้จักยังคงเป็นเสี้ยวหนึ่งของคนพิการทั้งหมด แต่ขอยืนยันว่าผมไม่ได้ปล่อยให้ความไม่เข้าใจในเรื่องคนพิการลืมหายไปเหมือนเมื่อก่อน ตรงกันข้ามผมพร้อมจะตั้งคำถามและหาคำตอบ"

เราทุกคนล้วนมี 'คนอื่น'

คนอื่นในความหมายของคนที่เราไม่รู้จัก  คนอื่นที่เราเคยรู้จักแต่ไม่อยากรู้จักแล้ว คนอื่นที่มีภาษาอื่น คนอื่นประเทศอื่น ซึ่งล้วนแล้วคือคนอื่น

คนผู้ซึ่งไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเรา และไม่มีเหตุอะไรที่เราจะต้องรู้จัก

ภาษาอังกฤษก็เป็น”คนอื่น” สำหรับผมเสมอ แม้ครูภาษาอังกฤษจะใจดีและน่ารักขนาดไหน แต่สิ่งที่แกสอน ผมก็ตราหน้าให้มันเป็นคนอื่นอยู่ดี คะแนนสอบวิชานี้เป็นเครื่องยืนยันได้ดีทีเดียว
อาจจะเพราะอคติหรือเพราะรู้สึกว่ามันไม่ใช่ภาษาของเรา การที่มันกลายเป็นอื่นไปได้ เหตุผลที่น่าจะอธิบายได้เป็นเรื่องเป็นราวที่สุดก็น่าจะเป็น “ความไม่เข้าใจ”                                              

ด้วยความรู้สึกที่ว่า ทำไมเราจะต้องไปเรียนรู้เรื่องที่ไม่เข้าใจ ทั้งๆที่เราก็คุยกับเพื่อน คุยกับพ่อกับแม่ รู้เรื่องอยู่แล้ว หลังจากนั้นชีวิตผมจึงวนเวียนอยู่ในความไม่เข้าใจและปล่อยให้มันไม่เข้าใจอย่างนั้นไปอีกหลายเรื่อง

เวลาที่เจอเรื่องไม่เข้าใจผมมักจะปล่อยให้สงสัยและลืมไปเอง
เรื่องคนพิการก็เช่นเดียวกัน

เราไม่เคยเข้าใจมาก่อนว่า ทำไมเรื่องลิฟต์ถึงมีปัญหา  ทำไมการมีอยู่ของบันไดจึงเป็นปัญหามากกว่าทางลาดชันขนาดนั้น ทำไมคนพิการจึงชอบออกมาเรียกร้องอะไรบ่อยๆ  เราไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขาทั้งหลายพยายามจะสื่อสาร

สิ่งที่คนพิการพูดจึงกลายเป็นเหมือนภาษาอื่น

-

เพราะนอกจากจะไม่ใช่ปัญหาของเราแล้ว ยังไม่ใช่เรื่องของเราอีกด้วย ไม่ใช่ว่าไม่เห็นความสำคัญของคนอื่นเลย แต่เราเองก็มีปัญหาส่วนตัวที่บดบังปัญหาของคนอื่น ในความเป็นจริง เป็นเรื่องยากจริงๆที่เราจะมองเห็นปัญหาของคนอื่นก่อนปัญหาของตัวเอง 

-

จนกระทั่งผมได้ไปเข้าร่วมค่ายเขียนข่าวกับคนพิการ เหมือนผมได้กินวุ้นแปลภาษาของโดเรม่อน มุมมองของผมต่อเรื่องคนพิการนั้นเปลี่ยนไป คนพิการสิบกว่าคนมอบแว่นใหม่ที่ทำให้เห็นมุมมองของปัญหาของพวกเขา ว่ามีอะไรเกิดจากอะไร ขณะเดียวกันก็สร้างความเข้าใจว่าสิ่งใดคือข้อจำกัด สิ่งใดไม่เคยเป็นข้อจำกัด

ค่ายค่อยๆหล่อหลอมความเข้าใจทีละนิดและแบบชนิดความอดทนสูง เหมือนหัดจับมือเด็กให้เขียนประถม  ก. กา ผมเริ่มเข้าใจถึงการมีอยู่ถึงภาษาใหม่ คนพิการเริ่มไม่ใช่คนอื่น พวกเขาเหล่านั้นกลับกลายเป็น อา เป็นน้า เป็นเพื่อน เป็นพี่  ผมเข้าใจปัญหาของคนพิการมากขึ้นจากการเข้าไปเรียนรู้ ทำความรู้จัก กำแพงของความไม่เข้าใจพังทลายลงแล้ว

ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมเองอาจไม่ได้เข้าใจในเรื่องของคนพิการทุกๆเรื่อง มุมมองคนพิการที่ผมรู้จักยังคงเป็นเสี้ยวหนึ่งของคนพิการทั้งหมด แต่ขอยืนยันว่าผมไม่ได้ปล่อยให้ความไม่เข้าใจในเรื่องคนพิการลืมหายไปเหมือนเมื่อก่อน ตรงกันข้ามผมพร้อมจะตั้งคำถามและหาคำตอบ

-

ตอนนี้เรายังมีอีกหลายคำถามเกี่ยวกับคนพิการที่ผมเองอยากจะรู้คำตอบ

และดูเหมือนว่าคนพิการก็ไม่ใช่”คนอื่น”สำหรับผมอีกแล้ว