Skip to main content

อย่างที่รู้กันว่า คุณภาพชีวิตคนพิการในประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำค่อนข้างสูง การเดินทางไปไหนก็ไม่สะดวก แต่เราไม่แน่ใจเลยว่า ในโลกที่ไม่ต้องอาศัยทางลาดหรือลิฟต์อย่างเรื่องความเชื่อ คนพิการมีสิทธิในการเข้าถึงเหมือนกับคนอื่นๆ ไหม โลกของการดูดวงของคนพิการเป็นอย่างไร และหมอดูตาบอดใช้วิธีอะไรในการทำนายดวงชะตาผู้คน Thisable.me ชวนคุยกับหมอดูตาบอด, แม่หมอดูใจ และคนพิการผู้ชื่นชอบการดูดวงว่า สำหรับพวกเขาแล้ว ความพิการและความเชื่อเรื่องดวงชะตามีความสัมพันธ์กันอย่างไร

นิรันดร คมขาว: หมอเจมส์เคลมดวง

ผมเป็นคนไม่เชื่อเรื่องดวงแต่เชื่อเรื่องการกำหนดอะไรให้ตัวเอง การดูดวงไม่ใช่แค่การมานั่งดูว่าดวงจะเป็นยังไง แต่เป็นเหมือนการวางแผนชีวิต หากทำแบบนี้ในอนาคตอาจจะเกิดอะไรขึ้น เราจะทำอะไรได้บ้าง ผมมองการดูดวงเหมือนการเข้าพบครูแนะแนว เพื่อแนะนำแนวทางชีวิต เน้นเป็นการพูดคุยกันเพื่อให้เขานำไปใช้ได้จริงมากกว่า

ไพ่ที่ผมใช้จะถูกเขียนอักษรเบรลล์ไว้ที่หัวกระดาษ ตัวอักษรเบรลล์ผมเป็นคนทำเองผมว่าคนพิการเป็นนักจินตนาการ หลายคนสามารถดูดวงจากเลขโทรศัพท์ คลำลายมือ ดูไพ่ยิปซี ดังนั้นจะเห็นว่า วิธีการดูไม่ใช่ประเด็นแต่การเข้าถึงสื่อการศึกษา เข้าถึงหนังสือที่ผลิตออกมาให้คนอ่านนั้น คนพิการจะอ่านได้หรือเปล่า แม้การดูดวงอาจสอนกันมาแบบคนสู่คน แต่ก็มีตำรา สิ่งสำคัญสำหรับเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องสื่อที่สนับสนุน 

หากมีคนถามว่า ตาบอดถือเป็นกรรมจากอดีตชาติไหม ผมก็คงตอบว่า การตาบอดก็คือลักษณะหนึ่งของคนที่เกิดมา ความเชื่อของคนยุคก่อนถือว่า เป็นกรรมเพราะเขาเชื่อเรื่องกรรมเวร แต่คนยุคนี้อาจคิดถึงเรื่องความผิดพลาดหรือความไม่สะดวก หากถามหมอดูหรือนักศาสนาหลายคนก็อาจตอบว่าเป็นกรรมเก่า แต่สำหรับผมผมคิดว่าความพิการพิสูจน์ไม่ได้ แต่ยอมรับว่า ตาบอดเป็นดวงในชีวิตประจำวันของผม เป็นอุปสรรค หากตาดีก็คงดวงดีกว่านี้ ฉะนั้นแล้วไม่ใช่แค่ความพิการที่อาจถูกมองว่าเป็นกรรม แต่หากมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในชีวิตหลายครั้งคนก็จะโทษเวรโทษกรรมทันทีเช่นเดียวกัน

ณอัญญา​ สาวิกาชยะกูร: วารีแห่งใจ

เหตุผลที่ต้องใช้มือซ้ายหยิบไพ่เพราะเป็นมือที่อยู่ข้างเดียวกับหัวใจ ส่วนเมื่อหยิบไพ่ได้แล้วจะได้คำตอบออกมาตรงหรือไม่สิ่งนี้เรียกว่าความเชื่อ เป็นความเชื่อเฉพาะกลุ่ม เฉพาะบุคคล ความเชื่อแปลว่าไม่ใช่ความจริง 100% ใครเชื่อแบบไหน เขาจะทำแบบนั้น หมอดูบางท่านจึงกำหนดให้ใช้​ เชื่อว่าจะตรง​ สำหรับเราจะใช้มือไหนก็ได้​ หรือถ้าเห็นว่าผู้ที่มารับคำปรึกษา ยังไม่ค่อยนิ่ง​ ไม่มีสมาธิ​ เราจะให้หยิบด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด​เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้เขาตั้งใจและกลับมาโฟกัสปัจจุบันตรงหน้าที่อยู่กับเรา

ช่วงนี้ออกจากบ้านไม่ได้ สิ่งที่เราทำก็คือ คนจะโทรมาเพื่อขอคำปรึกษา เราเป็นคนเปิดการ์ดถ่ายรูปส่งให้เขาดูด้วยตัวเอง บางคนถึงแม้จะได้เจอกันก็อาจไม่ได้หยิบไพ่เอง เราก็หยิบให้แล้วถามกลับ ชวนเขาคุย ถึงจะไม่หยิบเองแต่เรื่องราวก็ตรงกับสิ่งที่เขาเป็นอยู่ ฉะนั้นการดูจึงไม่เกี่ยวกับว่าใครหยิบ แต่อยู่ที่คำถามที่นำไป เราพาไปสำรวจและช่วยทำให้เรื่องราวมันตรงออกมา

เราไม่ได้รู้สึกว่าเราเป็นหมอดู ไม่เข้าใจคำว่าดวง คำนี้ทำให้หลายคนหวาดกลัวหรือทำให้หลายคนมีพลัง เราจึงบอกเขาว่าการคุยกับเราต่างจากการดูดวงนะ เราให้คำปรึกษา ชวนคุย แต่ไม่นั่งทำนาย ถ้าให้นิยามตัวเองเป็นแม่หมอก็คงบอกว่าเป็นแม่หมอดูใจแล้วกัน 

สำหรับคนพิการ ข้อจำกัดต่างๆไม่เป็นอุปสรรค แม้ในคนพิการที่ไม่มีมือซ้าย หรือมองไม่เห็น เขาเป็นมนุษย์เหมือนเรา หากต้องการคำปรึกษาแต่ติดอุปสรรคจะทำอย่างไร เราเลยเอาทุกข้อจำกัดที่หลายคนเชื่อว่า การดูหมอจะต้องเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ออกไป ถ้ามองว่าความพิการเป็นสิ่งไม่ดี ความเป็นมนุษย์ก็คงเป็นสิ่งที่ไม่ดีเหมือนกัน อะไรคือตัวตัดสินว่าสิ่งนี้ดีหรือสิ่งนี้ไม่ดี เราจึงมองที่การกระทำของคนมากกว่า ความพิการไม่เกี่ยวกับดวง บางคนความพิการเกิดจากอุบัติเหตุ คนที่พิการแต่กำเนิดก็เกิดจากความผิดปกติของส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างและไม่เกี่ยวกับดวงไม่ดี

ปริศนา ขันแก้ว: คนพิการที่ชอบดูดวง

เราดูดวงสนุกๆ ปีใหม่ทีก็ดูที เชื่อในจุดที่น่าจะเชื่อ เช่น เขาทายถูกในสิ่งที่เราไม่เคยพูด พอเป็นแบบนั้นก็คิดว่าน่าจะจริง ส่วนอื่นก็ฟังไปขำ ๆ ไม่ได้จริงจังมาก  มีอยู่ครั้งหนึ่งไปดูดวงเพื่อนที่ตลาด หมอดูปูผ้านั่งกับพื้นดูดวงให้นักศึกษา ตอนนั้นไปดูเพราะเครียดๆ ฟังแบบเครียดๆ ครั้งนั้นเป็นครั้งเดียวที่จริงจัง เพราะเราถามเขาเกี่ยวกับเรื่องเรียน เรื่องความรักและเรื่องเพื่อน ช่วงนั้นมีปัญหากับเพื่อนจึงไปปรึกษาเรื่องความสัมพันธ์

เรื่องที่ถามบ่อยก็น่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ ตอนเรียนก็จะถามเกี่ยวกับเรื่องเรียน เรื่องสุขภาพ เรื่องความรัก แต่พอเรียนจบแล้วเริ่มทำงานเราก็จะเน้นเรื่องงานเลย จะได้งานไหม จะได้เปลี่ยนงานรึเปล่าว สุขภาพจะเป็นยังไง แตะเรื่องความรักนิดหน่อย อยากรู้ว่า จะแต่งงานเมื่อไหร่ เนื้อคู่เป็นยังไง เราคิดว่าการดูดวงขึ้นอยู่กับแต่ละช่วงวัยว่าช่วงนั้นเราโฟกัสกับอะไร ตอนนี้โฟกัสแต่เรื่องงานก็ถามแต่เรื่องงาน

เรานั่งวีลแชร์ หลายครั้งที่ไปดูดวงแถวท่าวังหลังก็ต้องมีเพื่อนไปด้วยเพราะมีเสต็ป มีทางลาดที่ไม่ได้อำนวย โคตรสูงเลย แต่พอเข้าไปในร้านก็ปกติไม่ได้มีอะไร นั่งคุยกับหมอดูเหมือนคนทั่วไป เราคิดว่าดวงไม่เกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ ดวงก็คือดวง ร่างกายก็คือร่างกาย คนละเรื่องกัน นิสัยคนไทยชอบหยิบจับอะไรมายำรวมกันว่าที่เกิดมาพิการคือชาติที่แล้วไปทำกรรมอะไรไว้ ทั้งๆที่จริงแล้วกูโดนรถชนมาด้วยซ้ำ