Skip to main content

"ริชาร์ด" ผู้สืบสายเลือดแห่งตระกูลยอร์กและได้รับยศถาบรรดาศักดิ์เป็นดยุคแห่งกลอสเตอร์ผู้มีรูปร่างเล็กแกร็น หลังปูด เกิดและอยู่ในยุคสมัยที่อยู่เย็นเป็นสุข


แต่เขากลับไม่มีรูปโฉมงดงามเพื่อจะได้เป็นคนรักของใคร
สุนัขข้างทางยังเห่าไล่หลังตามเงา
เขาไม่อาจหาความยินดีในการใช้เวลาให้ผ่านไปได้อย่างสงบสุข
เมื่อไม่อาจเป็นคนรักได้ เขาจึงเลือกที่จะเป็น 'คนร้าย' เสียแทน

ริชาร์ดใช้เท้าที่หุ้มด้วยบู้ทหนังสัตว์อย่างดีเขี่ยกระโถนกระเบื้องเคลือบบนพื้นไปมา สายตาของเขาจ้องออกไปนอกหน้าต่างที่มีแสงแดดอ่อนเล็ดรอดเข้ามาเพียงครึ่งเนื่องจากกรอบหน้าต่างปกคลุมด้วยกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มหนาหนักปักลายกุหลาบสีขาวอันเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลยอร์กคลุมอยู่เกือบครึ่ง ยังไม่ถึงเวลาที่ดวงอาทิตย์จะโคจรมาตรงศีรษะของมนุษย์ ริชาร์ดปราดสายตาหลุบต่ำลงมองไปที่ภาพที่เขาคุ้นเคย แน่นอน เบื้องหน้าไม่ปรากฏสิ่งมีชีวิตอื่นใด นอกจากทหารยามที่เฝ้ารักษาการณ์อยู่ตามประตูและมุมขอบต่างๆ ในบริเวณราชสำนักของราชวงศ์แพลนทาจีเนนท์ จะเห็นก็แต่ข้าราชบริพารที่เดินไปมาเป็นพักๆ เวลาที่นายของตัวเองเรียกใช้

ริชาร์ดผู้อยู่ในอิริยาบถเดิมมากว่าสิบนาทีแล้วใช้ปลายเท้าดีดกระโถนบนพื้นจนล้มไปทางหนึ่ง และลุกขึ้นยืนโดยทันที เขารีบใช้มือขวาจับที่พนักเก้าอี้เพื่อทรงตัวให้มั่น ร่างกายที่ดูหนักอึ้ง หลังส่วนบนมีลักษณะงุ้มงอปูดอย่างผิดส่วน ไม่ต่างอะไรกับหลังอูฐจึงทำให้ผู้สืบสายเลือดแห่งตระกูลยอร์กและได้รับยศถาบรรดาศักดิ์เป็นดยุคแห่งกลอสเตอร์คนนี้มีรูปร่างเล็กแกร็นกว่าคนรุ่นเดียวกัน ผิวและใบหน้าซีดขาวเนื่องจากไม่ได้ออกไปล่าสัตว์หรือฝึกดาบใดๆ เหมือนกับคนอื่น สีหน้าของหนุ่มวัยสามสิบจากตระกูลสูงศักดิ์ไม่แสดงอาการยินดียินร้าย เพียงแต่สายตายังคงจ้องไปในอากาศอันว่างเปล่าเบื้องหน้า

“ฤดูหนาวแห่งความทุกข์เข็ญของเราดูจะผ่านพ้นไปแล้ว” ริชาร์ดพึมพำ มือกำมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว

“ชัยชนะเป็นของยอร์ค เสียงแตรเฝ้าระวังสงครามและข้าศึกเงียบลง หมู่นี้เราได้ยินแต่เสียงพิณแว่วมาจากห้องหับต่างๆ ชัยชนะเป็นของยอร์คและบุตรแห่งยอร์ค จะพูดให้ถูกคือ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ด กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่” เขาแค่นเสียงหัวเราะจนขึ้นจมูกเบาๆ อันที่จริงเป็นเสียงที่เกือบจะคล้ายน้ำเสียงหัวเราะเยาะอยู่ในลำคอด้วยซ้ำ

“แต่เราไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้” เสียงดังก้องในโสตสำนึกของชายผู้มีศักดิ์เป็นพระเชษฐาองค์เล็กของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่สี่ “ตัวเรา…ที่ถูกธรรมชาติลงโทษด้วยร่างกายไม่สมประกอบ บิดเบี้ยว ไม่ได้รูป เป็นผลงานที่สร้างไม่เสร็จของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าที่ส่งเรามาก่อนกาลเวลา….”

“เราไม่ได้เกิดมาเพื่อใช้ชีวิตอันน่าเบื่อนี้ในยุคสมัยที่อยู่เย็นเป็นสุข เราไม่มีรูปโฉมงดงามเพื่อจะได้เป็นคนรัก สุนัขข้างทางยังเห่าไล่หลังตามเงา….เราไม่อาจหาความยินดีในการใช้เวลาให้ผ่านไปได้อย่างสงบสุข ถ้าไม่อาจเป็นคนรักได้ เราก็จะขอเป็นคนร้ายก็แล้วกัน”

เมื่อความคิดมาบรรจบที่ข้อสรุปนี้ ริชาร์ด ชายหลังค่อม ผู้มีรูปร่างพิการแห่งตระกูลยอร์คก็รู้สึกเหมือนตัวเบาขึ้น ความมุ่งมั่นในการจะเป็น “ผู้ร้าย” มีพลังประหลาดราวกับทำให้เขาสามารถยืนยืดตัวให้ตรงขึ้นอีกนิด เขาเริ่มผิวปากและไล่ความคิดไปตามแผนการที่ตัวเองได้วางไว้ ก่อนอื่นต้องหาทางกำจัดเหล่าพี่ชายผู้อ่อนแอและน่ารำคาญให้พ้นจากทางเสียก่อน ทั้งเอ็ดเวิร์ดและแคลเรนซ์ที่ดูเหมือนจะเกิดมาเพื่อเป็นข้อเปรียบเทียบที่ไม่เป็นธรรมกับริชาร์ด…เพื่ออะไรน่ะหรือ?

ในกรณีของแคลเรนซ์ หรือเรียกอย่างเป็นทางการว่า ดยุคแห่งแคลเรนซ์ หรือจอร์จ แพลนทาจีเนนท์ ริชาร์ดมีเหตุผลที่จะต้องกำจัดผู้มีสายเลือดเดียวกันนี้ให้พ้นทาง เพราะคำทำนายทายทักในราชสำนักที่กล่าวไว้ว่า ชายผู้ที่มีชื่อขึ้นตัวด้วยตัว จ. จะกลายเป็น “ผู้ฆ่า” ซึ่งริชารด์ประเมินว่า ย่อมไม่เป็นผลดีหากจะเก็บแคลเรนซ์ไว้ต่อในอนาคตที่เขาจะก้าวขึ้นสู่อำนาจ เขามองไม่เห็นทางอื่นใดนอกจากจะตัดไฟเสียแต่ต้นลม ซึ่งตอนนี้เขาก็ทำสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะความสามารถในการปั้นแต่งเรื่องและใส่ความร้ายของริชาร์ด ดยุคแห่งแคลเรนซ์กำลังถูกจองจำอยู่ในคุกในหอคอยลอนดอน ข้อหาคิดกบฏโค่นล้มบัลลังก์ของเอ็ดเวิร์ดผู้พี่และเอาใจไปให้กับตระกูลแลงแคสเตอร์ หอกข้างแคร่และคู่แข่งตัวฉกาจใน“สงครามดอกกุหลาบ” ครั้งนี้

ส่วนแรงจูงใจชั่วร้ายต่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่สี่นะเหรอ….ริชาร์ดก็แค่คิดว่ายุคสมัยนี้มันน่าเบื่อเกินไป ความเบื่อของเขามีมากจนลืมถึงคุณงามความดีอันเป็นวีรกรรมที่ยกย่องครั้นเอ็ดเวิร์ดผู้พี่ได้สร้างไว้เมื่ออออกรบและได้ชัยชนะเหนือฝรั่งเศส ริชารด์กำลังคิดถึงช่วงเวลาของ “ฤดูหนาวแห่งความทุกข์เข็ญ” และโหยหายกับอดีตที่น่าเกลียด น่ากลัวด้วยภัยสงคราม

หากเปรียบอังกฤษเป็นร่างกาย ริชาร์ดก็คงจะอยากให้มีรูปร่างบิดเบี้ยวและน่าเกลียด น่ากลัวไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้เขา เขาเห็นว่านี่คือสมการที่ถูกต้องและเหมาะสมแล้ว

สำหรับเอ็ดเวิร์ดนั้นเป็นงานง่ายๆ…เขาคิด ริชาร์ดเห็นว่าไม่ต้องลงมืออะไรมากกับกษัตริย์ผู้กำลังโดนรุมเร้าด้วยอาการป่วยต่างๆ และจะต้องพ่ายต่อโรคภัยไข้เจ็บในเวลาอันใกล้นี้

……..

ท่ามกลางวงตะลุมบอน ณ ทุ่งบอสเวิร์ธระหว่างทหารของ “พระเจ้าริชาร์ดที่สาม” และกองทัพของเอิร์ลแห่งริชมอนด์ ซึ่งรวบรวมกำลังพลและออกเดินทางมาจากฝรั่งเศสเพื่อมารับมือและปราบกษัตริย์จอมชั่วร้ายที่สังหารคนใกล้ตัวและข้าราชบริพารทั้งผู้สืบเชื้อสายพระวงศ์ก็ดีและขุนนางเก่าแก่ในราชสำนักจนเกือบหมดสิ้น นี่ไม่รวมถึงผู้สืบเชื้อสายเดียวกัน ทั้งดยุคแห่งแคลเรนซ์ที่ถูกสำเร็จโทษด้วยยาพิษ หรือหลานชายตัวเองซึ่งเป็นผู้สืบสันติวงศ์โดยตรงเป็นลำดับที่หนึ่งต่อจากพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่สี่ โดยจะต้องได้รับการสถาปนาเป็นกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ห้า ต่อจากพระบิดา แต่เนื่องด้วยยังมีพระชันษาเพียง 12 ปี เจ้าชายน้อยจึงได้รับการ “คุ้มครองดูแล” จากผู้เป็นอา คือ ริชาร์ด ซึ่งหลังจากการสวรรคตของกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่สี่ ก็ได้รับการสถาปนาให้เป็น เจ้าผู้พิทักษ์ทำหน้าที่สำเร็จราชการแทนกษัตริย์ที่ยังทรงพระเยาว์

แต่ริชาร์ดก็คือริชาร์ด การกำจัด “บรรดาเจ้าชายบนหอคอย” ที่ริชาร์ดใช้อุบายและเล่ห์กลต่างๆ นานาเพื่อส่งตัวเสี้ยนหนามต่อบัลลังก์ไปสู่การจองจำและการสำเร็จโทษในที่สุด เจ้าชายน้อยสิ้นพระชนม์ลงพร้อมพระเชษฐาองค์เล็กและริชาร์ดก็ได้สถาปนาตัวเองขึ้นเป็น “พระเจ้าริชาร์ดที่สาม” ท่ามกลางการก่นด่าและสาปแช่งของราชสำนัก เอลิซาเบ็ธแห่งยอร์กซึ่งเป็นชายาของกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่สี่และมารดาของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดน้อยที่ถูกสังหารบนหอคอยลอนดอนเริ่มสังหรณ์ใจนับตั้งแต่พระสวามีสิ้นพระชนม์ลง เพราะนางรู้ดีว่าสถานะของตัวนางและโอรสทั้งสองนั่นกำลังสั่นคลอน และเป็นจริงดังคาดเมื่อริชาร์ดส่งลูกชายของนางไปจองจำไว้ที่หอคอยจนนำไปสู่จุดจบในที่สุด

เสียงสาปแช่งที่ก้องกังวานที่ดังสนั่นไปทั่วราชสำนักในวิหารแห่งเวสมินส์เตอร์คงหนีไม่พ้นกับคำแช่งที่เต็มไปด้วยความขมขื่นของควีนมากาเร็ธ หม้ายแห่งตระกูลแลงแคสเตอร์ที่ได้สาปแช่งจุดจบของสมาชิกราชวงศ์กุหลาบสีขาวเอาไว้ แม้ความเป็นคริสเตียนที่ไม่เชื่อในเรื่องคำสาปหรือคำทำนายจะทำให้คนในราชสำนักไม่ถือสาคำพูดของควีนแก่ๆ รวมถึงพระเจ้าริชาร์ดที่สามเองด้วย แต่น่าแปลกที่สิ่งที่นางได้ “ทำนายทายทัก” ด้วยความขมขื่นนั่นเป็นจริงทุกประการ ความแค้นของนางต่อริชาร์ดไม่มีวันจางหาย เพราะก่อนหน้าที่พวกยอร์กจะขึ้นนั่งบัลลังก์ ทั้งพระสวามี พระเจ้าเฮนรี่ที่หกและโอรสต่างก็ถูกสังหารโดยบุตรแห่งยอร์กที่มีรูปร่างอัปลักษณ์และพิกลพิการนามว่าริชาร์ดนี้ ควีนมากาเร็ธเก็บคำสาปแช่งที่เลวร้ายที่สุดไว้ให้กับพระเจ้า   ริชาร์ดที่สามและเรียกเขาว่า “หมูสกปรกที่นำความเสื่อมเสียมาให้แก่มารดาผู้ให้กำเนิด” และเป็น “บุตรจากนรก” มาเกิด ราชินีหม้ายแก่ทำนายจุดจบของริชาร์ดไว้ว่าจะลงเอยด้วยการไร้มิตรที่ตนสามารถไว้วางใจได้

ขณะนี้ตระกูลยอร์กกำลังมาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ หัวหอกหนึ่งเดียวที่กำลังต่อสู้เพื่อปกป้องลังก์บัลลังก์ ก็คือ พระเจ้าริชาร์ดที่สาม หลังจากการตะลุมบอนและชุลมุนกันอยู่นาน ไพร่พลและพลม้าของกองทัพกำลังแตกพ่ายและกระเจิงไปทุกทิศทุกทาง แม่ทัพที่พระเจ้าริชาร์ดที่สามไว้ใจให้นำพล อย่างดยุคแห่งนอร์โฟล์คก็สูญเสียทหารไปมากและไม่สามารถต้านทานกองทัพของริชมอนด์ได้ พระเจ้าริชาร์ดที่สามสูญเสียม้ารบของตัวเองและพละกำลังที่มีอยู่ก็แทบจะหมดสิ้น เขากำลังเดินลากเท้าด้วยความรู้สึกที่เสื้อเกราะอันขาดวิ่นกำลังถ่วงน้ำหนักตัวเองจนแทบจะเดินต่อไปไม่ไหว ริชาร์ดรู้สึกถึงหลังที่โก่งงองุ้มของตัวเอง กับไหล่สองข้างที่ไม่เท่ากัน เขาใช้มือข้างที่ถือดาบกวัดแกว่งไปทั่วราวกับคนเสียสติพร้อมตะโกนโอ้อวดว่าตนได้สังหาร “ริชมอนด์ไปแล้วถึงหกคน” แต่แท้จริงแล้วริชาร์ดรู้ดีว่าเขายังเข้าไม่ถึงตัวริชมอนด์ เขายกมือส่งสัญญาณให้เอิร์ลแห่งนอร์ธัมเบอร์แลนด์ แม่ทัพเอกอีกคนเข้ามาช่วย

“ขอม้าหน่อย! ม้า!” ริชาร์ดตะโกน เมื่อเห็นข้าศึกนำโดยขุนนางจากตระกูลสแตนลี่ย์ผู้ภักดีต่อสายแลงคาสเตอร์กำลังกรูเข้ามาล้อม เขาตะโกนเสียงดังแต่ไม่มีทีท่าที่เอิร์ลแห่งนอร์ธัมเบอร์แลนด์จะเข้ามาช่วย ในทางตรงข้ามอัศวินผู้รับใช้ยอร์กกำลังแตกพ่ายและถอยออกจากวงล้อม

ริชาร์ดพนันทุกอย่างที่ตนมี “ขอม้าหน่อย! ม้า! ข้าจะให้อาณาจักรนี้แก่ใครก็ได้ที่นำมาม้าให้ข้า” ริชารด์ตะโกน ฤดูหนาวแห่งความทุกข์เข็ญกำลังคืบคลานเข้ามาหาจิตวิญญาณของพระเจ้าริชาร์ดที่สามในช่วงเวลาสุดท้ายนี้อย่างแท้จริง

 

พระเจ้าริชาร์ดที่สาม (Richard III) ถูกสังหารที่ทุ่งบอสเวิร์ธ โดยเอิร์ลแห่งริชมอนด์ จากตระกูลแลงแคสเตอร์ ซึ่งภายหลังได้รับการสถาปนาเป็นพระเจ้าเฮนรี่ที่เจ็ดและเป็นผู้ยุติ “สงครามดอกกุหลาบ” ที่เป็นความขัดแย้งกันมานานของสองตระกูลคือ ยอร์กและแลงแคสเตอร์ด้วยการอภิเษกสมรสกับเอลิซาเบธ แห่งยอร์ก ราชินีองค์เก่าของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่สี่นั่นเอง พระเจ้าเฮนรี่ที่เจ็ดเป็นกษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์ทิวดอร์

เรื่องแต่งข้างต้นได้รับแรงบันดาลใจจากบทละครเรื่อง Richard III ของวิลเลียม เชกสเปียร์ ซึ่งแต่งเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อเชิดชูรัชสมัยของควีนเอเลิซาเบธและราชวงศ์ทิวดอร์ โดยตัวละครพระเจ้าริชาร์ดที่สามนั้นถูกสร้างและบรรยายไปตามหลักคติของยุคกลางที่มองว่าความผิดแปลกของร่างกายหรือความพิการคือสัญลักษณ์ความชั่วร้ายขั้นสุดและผู้ที่เกิดมามีร่างกายไม่สมบูรณ์นั้นย่อมเป็นผู้ที่ไร้มโนธรรมเพราะได้รับการลงโทษจากธรรมชาติ นักประวัติศาสตร์ไม่สามารถยืนยันแน่ชัดว่าตัวจริงของพระเจ้าริชาร์ดที่สามนั้นพิการมากน้อยหรือไม่อย่างไร แต่จากการขุดค้นพบโครงกระดูกที่เชื่อว่าเป็นของพระเจ้าริชาร์ดที่สามใต้ลานจอดรถในเมืองเลสเตอร์เมื่อปี 2012 ผลการตรวจสอบจากนักโบราณคดีพบว่ามีอาการบาดเจ็บรุนแรงที่กะโหลกอันเกิดจากอาวุธ แต่ไม่พบอาการผิดปกติอื่นใดที่บ่งบอกชัดว่าเป็นคนพิการ นอกเสียจากรูปกระดูกสันหลังที่มีความโค้งงอและคร่อมกว่าปกติ