Skip to main content

 

ด้วยโลกสมัยใหม่ที่เข้าถึงข่าวสารได้ชนิดที่ต่อให้คุณไม่ได้ใส่ใจในเรื่องบางเรื่องสักหน่อย ไม่เคยคิดจะติดตามเป็นพิเศษ เรื่องราวพวกนั้นก็อาจวิ่งเข้ามาหาคุณได้อย่างชิลล์ ผ่านการแชร์สุดฮือฮาของเพื่อนรอบตัวในโลกโซเชียล
- - เป็นต้นว่า - -
เรื่องดราม่าในแวดวงแฟชั่น

เพราะฉะนั้นคุณก็อาจจะเคยได้ดูคลิป ได้อ่าน ได้วิวรูป ของข่าวช่วงหลังๆ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมนี้ที่ดูจะ ‘สมัยใหม่’ ดูจะ ‘เปิดกว้าง’ และดูจะ ‘ก้าวหน้า’ เสียจนคุณอาจต้องเลิกคิ้วสูงจนแทบขึ้นไปจรดตีนผมพลางรำพึงกับตัวเองว่า
- - “จริงเหรอออออ?” - -
ก็ใครจะอดระแวงแคลงใจได้กับความใจกว้างระดับนั้น ความสมัยใหม่ขนาดนั้น หรือหัวก้าวหน้าซะปานนั้น

เอาจริงๆ ใครๆ ก็รู้เถอะ ว่าตรงนี้เคยเป็นพื้นที่เฉพาะ ‘อย่างถึงที่สุด’ ของกลุ่มคนที่น่าจะมีคำจำกัดความได้อย่างเดียวเท่านั้น คือสมบูรณ์แบบ หรืออะไรก็ได้ที่ไม่น้อยไปกว่า แล้วเธอๆ ผู้เป็นซูเปอร์เพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ด้วยตนเหล่านี้น่ะหรือที่จะยอม ‘กระเถิบ’ เปิดพื้นที่ให้ผู้คน ‘ชนิดอื่นๆ’ เข้ามาอยู่ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ที่แสนหวงแหน

แต่มันก็เป็นไปแล้ว ไม่ว่าจะมีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่ แค่ไหน
- - คุณก็คงเคยได้ยินมาบ้างหรอก เรื่องของนางแบบพิเศษบางคน (และหลายคน) ที่มีร่างกายไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ อาจจะมีขาข้างเดียว หรือบางคนมีแข้งขาครบแต่เคลื่อนไหวไม่ได้ด้วยโรคร้ายบางอย่าง กับบางคนที่มีความผิดปกติรุนแรงของการสร้างเม็ดสีผิว และมีแม้แต่คนที่เป็นดาวน์ซินโดรม ฯลฯ

และถึงคุณจะไม่เคยได้ยินได้อ่านเรื่องพวกนี้มาก่อนเลยในชีวิตก็ไม่เป็นไรหรอก ครั้งต่อๆ ไปคุณจะได้รู้จักเธอเหล่านั้นบางคนผ่าน One Fashion World ส่วนตอนนี้ขอให้รู้ไว้ก่อนว่าเธอๆ เหล่านั้นมีตัวตนอยู่จริง การก้าวเข้ามาสู่อุตสาหกรรมของความสวยงามจำเพาะเจาะจงที่สุดนี้ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และยังดำเนินอยู่

ทั้งๆ ที่คนส่วนใหญ่เรียกเธอเหล่านี้ว่าคนพิการ

สุดสมบูรณ์แบบจนคนธรรมดาเกินไปก็ไม่มีพื้นที่ให้อยู่

คุณรู้ไหม พื้นที่ของอุตสาหกรรมแฟชั่นสมัยใหม่โดยเฉพาะตลาดที่เรียกว่า ไฮ แฟชั่น ย้อนกลับไปนับสิบๆ ทศวรรษ อย่าว่าแต่คุณจะพิการตามความหมายของคำอย่างเต็มที่เลย ต่อให้สภาพร่างกายคุณปกติและมิหนำยังได้ชื่อว่าเป็นคนสวย (ใครๆ ก็บอกคุณอย่างนั้นมาตั้งแต่เกิด) จนคุณฝังข้อมูลส่วนตัวไว้อย่างหนักแน่นว่าฉันสวยแน่ๆ จนกระทั่งวันหนึ่งคุณพกความมั่นใจเดินตรงจะเข้าวงการแฟชั่น นั่นละ คุณถึงเพิ่งจะรู้ว่าคุณสวยตำ่กว่าค่ามาตรฐานความงามที่เขากำหนดกันไว้ ตั้งแต่รูปร่าง รูปหน้า ความสูง น้ำหนัก ผิวพรรณ ฯลฯ มันไม่ยากอะไรเลยที่ความเป็นคุณจะกลายเป็นความพิการอย่างหนึ่งสำหรับโลกแฟชั่น ที่ใช้ไม่ได้ ที่ไม่ได้รับการมองแม้แต่ปลายตา ที่ต้องคัดออก และอาจจะถึงกับ
- - ที่อย่าได้เสนอหน้ามาให้เห็น ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้มีมากจนก่อปัญหาทั้งสังคม ทั้งเศรษฐกิจ ทั้งคุณค่าความเป็นมนุษย์ เสียจนต้องมีการเรียกร้องความเปลี่ยนแปลง

อะไรบ้างที่ทำให้คุณ ‘พิการ’ ในพื้นที่นี้

เพราะผิวคุณมันไม่ใช่

และถ้าจะพูดถึงผิวที่ใช่ ต้องเป็นผิวขาวแบบคอเคเซียน คุณอาจจะเถียงขึ้นมาเสียงแข็งทีเดียว ว่าคุณเห็นนางแบบผิวดำ นางแบบเอเชียที่โด่งดังระดับโลกออกบ่อย 


มาดูกันว่าบ่อยของคุณมันอยู่ลำดับไหนและส่วนไหนในโลก เพราะถึงแม้ว่ามีดีไซเนอร์หลายคนเป็นต้นว่า Riccardo Tisci หรือ Tom Ford ชอบที่จะเลือกใช้นางแบบ - นายแบบผิวสีในงานของพวกเขาเป็นประจำสม่ำเสมอ แต่นักออกแบบคนอื่นล่ะ รวมทั้งแคสติ้งไดเร็กเตอร์งานแฟชั่นวีกตัวเป้งๆ แห่งวงการ แล้วไหนยังจะนายทุนผู้กุมอำนาจ (เงิน) ที่แท้จริง


ครั้งหนึ่งเคยมีคำสั่งถึงบรรดาโมเดลลิ่ง เอเจนซี่ทั้งหลายที่มีหน้าที่จัดส่งแบบเพื่อแคสต์งานแฟชั่นวีกของหนึ่งในเมืองแฟชั่นหลักของโลกว่า “นางแบบผิวดำ นางแบบประเภทชนเผ่า ชนกลุ่มน้อย อย่าได้โผล่หน้ามาแคสต์เป็นอันขาด เราขอ ‘ไม่’ แม้แต่เห็น”


ถ้านี่ยังไม่ชัด กลับไปดูสถิติในปี 2014 แมกกาซีนแฟชั่น (ซึ่งขณะนั้นยังอยู่ในยุคเรืองอำนาจ) ฉบับบิ๊กๆ ของโลกจำนวน 44 หัว 611 ปกตลอดทั้งปี มีแบบปกแค่ 18% เท่านั้นที่ไม่ใช่มนุษย์ผิวขาว หนักยิ่งกว่านั้นเมื่อพูดถึงบรรดาแคมเปญโฆษณาของวงการแฟชั่น (ซึ่งเป็นที่ใฝ่ฝันของบรรดานางแบบนายแบบ เพราะมันคือบ่อของชื่อเสียงเงินทองที่อาจจะถึงขั้นไหลมาเทมา) 90% ของแบบล้วนแล้วแต่เป็นคนผิวขาวทั้งสิ้น


- - ทีนี้เรามายืนอยู่ฝั่งนางแบบนายแบบผิวดำกันบ้าง ซึ่งถ้าคุณน้อยเนื้อต่ำใจจนอยากจะเรียกผิวดำของตัวเองว่าเป็นความพิการอย่างหนึ่ง จะบอกให้ว่า มีคนพิการหนักกว่าคุณไปอีก นั่นคือคนเอเชีย คนละติน และคนเผ่าพันธุ์ที่เหลือทุกรูปแบบ ไม่ว่าผิวจะ เหลือง น้ำตาล หรือสีพิสดารอันใด ฯลฯ  พวกเขาต่างได้รับการมองเห็นน้อยกว่าน้อยในปีนั้นและก่อนหน้านั้น (และก่อนๆ ของก่อนๆ หน้านั้น) กราฟเพิ่งจะได้ขยับขึ้นมาบ้างนิดหน่อยในปี 2015 - 2016 วัดจาก 4 เมืองหลักของแฟชั่นโลกคือ ปารีส ลอนดอน มิลาน และนิวยอร์กรวมกัน ซึ่งค่าเฉลี่ยออกมาก็ยังคงมีเปอร์เซ็นต์ของแบบผิวสีรวมๆ แล้วไม่มากไปกว่า 25% อยู่ดี จนกระทั่งมีการประท้วงเงียบจากนางแบบและศิลปินผิวดำ Ashley B.Chew ด้วยการหิ้วกระเป๋าหนังซึ่งมีตัวหนังสือ DIY ของเธอเองเขียนไว้ตัวโตว่า Black Models Matter


การประท้วงเงียบผ่านข้อความบนกระเป๋าของAshley B.Chewว่า "Black Models Matter"

- - คุณว่าใครกันจะถูกกระทบด้วยสารนี้ ก่อนตอบ มาฟังสิ่งที่น่าสนใจมากๆ เรื่องหนึ่งก่อน 
รันเวย์ที่หานางแบบผิวสีไม่ได้เลยจนคนเดียวคือแบรนด์อะไรทายซิ

ไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกยังไงดี เมื่อคำตอบคือ 2 แบรนด์ที่ก่อกำเนิดจากคนผิวสีนั่นแหละที่มองเมินคนผิวสีด้วยกันอย่างสิ้นเชิง 

เอาจริงๆ เราจะพูดได้ไหมว่าสีผิวได้กลายเป็นความพิการอย่างหนึ่งในโลกแฟชั่นมานานแล้ว (ได้สิ ทำไมจะไม่ล่ะ) เพราะคุณไม่มีทางจะมีโอกาสเท่าคนผิวขาวแน่ๆ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่จะมีเท่าหรือชาตินี้จะมีไหม สิ่งที่โลกแฟชั่นต้องการจึงน่าจะเป็นทัศนคติใหม่ ที่ผู้คัดสรรจะมองมาที่นางแบบนายแบบอย่างผู้คนปัจเจก ไม่ใช่ขีดวงแบ่งไว้เป็นพวกๆ ด้วยสีผิว วงนี้ฉันเอา วงนี้ช่วยไปไกลๆ อย่างที่เป็นอยู่ตลอดมา

เพราะมาตรฐานรูปร่างของคุณมันไม่ใช่

โลกแฟชั่นที่นางแบบนายแบบใฝ่ฝันที่สุดคือโลกไฮแฟชั่น ทั้งๆ ที่มีแขนงอื่นๆ อีกมากมายอย่างเช่น งานโฆษณาทีวี งานถ่ายแค็ตตาล็อก นางแบบนายแบบที่ใช้แค่บางส่วนของร่างกาย อย่างมือหรือขาหรือดวงตา ฯลฯ แต่คุณจะพูดได้เต็มปากว่าอยู่วงการนี้ก็ต่อเมื่อคุณเจาะเข้าไปถึงใจกลาง นั่นคือการได้ทำงานกับบรรดาแบรนด์แฟชั่นชั้นนำที่มีคอลเลกชั่นนำเสนอในรันเวย์ระดับโลก ซึ่งถ้าจะเอาอย่างนั้น คุณก็ต้องการสิ่งต่อไปนี้เป็นต้นทุน

1) คุณต้องมีความสูงตั้งแต่ 172-180 เซนติเมตร หรือ 5 ฟุต 8 นิ้ว-5 ฟุต 11 นิ้ว นี่สำหรับนางแบบ ส่วนนายแบบคุณต้องสูงตั้งแต่ 180-188 เซนติเมตร หรือ 5 ฟุต 11 นิ้ว-6 ฟุต 2 นิ้ว ถ้าเล็กเตี้ยกว่านี้มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะขึ้นไปเป็นหลุมดำในอวกาศกับหมู่นางแบบนายแบบ 20-30-40 คนในแต่ละโชว์

2) ไม่ใช่แค่ความสูง คุณยังจะต้องมีรูปร่างสุดอัศจรรย์ไม่ว่าเพศไหน กรรมเวรจริงๆ ที่มาตรฐานมันไม่เคยตายตัว และยังต้องเป็นไปตามสมัยนิยม ณ ขณะนั้นๆ อีกต่างหาก อย่างเช่น นางแบบระดับซูเปอร์โมเดลที่ว่าเพอร์เฟ็คท์สุดขีดคลั่ง ค่าตัวแพงทะลุเพดานจากยุค 90s อย่าง ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด


ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด

ถ้ายกเธอมาเป็นนางแบบในยุคนี้ ซินดี้อาจต้องทำงานในฐานะนางแบบ plus size หรือนางแบบร่างใหญ่! แน่นอน นางแบบย่อมเข้าข่ายผอมผ่ายกันอยู่แล้วเป็นปกติ แต่ถ้าเทียบกันโดยประมาณ นางแบบยุค 90s จะมีน้ำหนักน้อยกว่าผู้หญิงธรรมดาๆ ประมาณ 8% แต่ถ้าเป็นยุคนี้ นางแบบรันเวย์อาจจะน้ำหนักน้อยกว่าผู้หญิงตามถนนหนทางได้ถึง 23%

- - เอาจริงๆ มันดูบ้าบอและเป็นที่โวยวายของผู้คนจำนวนมาก ว่าให้ทัศนคติที่ไม่ดีต่อผู้หญิง ปลูกฝังการกระทำในทางที่ผิดต่อตัวเอง และให้สุขภาพที่เลวร้าย แต่ใครจะแคร์? ในเมื่อโลกต้องการ

เพราะวัยคุณก็ไม่ใช่

Council of Fashion Designers of America เคยให้คำแนะนำกับวงการนี้ว่า ไม่ควรมีนางแบบที่อายุต่ำกว่าสิบหก นางแบบในระดับเปรี้ยงหลายคนเห็นด้วยกับเรื่องนี้ อย่างเช่น Coco Rocha นางแบบสาวคาเนเดียนที่มีแมวมองเข้ามาติดต่อตั้งแต่อายุ 14 เธอทำงานจริงจังตอนอายุ 15 และต้องย้ายมาอยู่นิวยอร์กเมื่ออายุ 16 เพื่อที่จะเป็นนางแบบเต็มตัวให้กับสารพัดแบรนด์บนพื้นฐานที่ยังคงเป็นเด็ก ระบบคิดยังไม่ลงล็อกกับสิ่งที่ตัวเองต้องเจอทุกวัน เพราะแทนที่จะโฟกัสอยู่กับการทำงานตรงหน้าให้ดีที่สุด เธอบอกว่าตัวเองเอาแต่คิดจะเอาอกเอาใจแบรนด์เพื่อจะได้งานต่อๆ ไปในอนาคต ชีวิตกลายเป็นของคนอื่น ไม่มีความสุขจริงๆ แล้วจากนั้นเกิดอะไรขึ้น?

- - ก็ยังคงมีนางแบบอายุน้อยๆ ถอยลงไปเรื่อยๆ จนถึงแค่ 10 ขวบก็ยังมี ทุกวันนี้อายุเฉลี่ยของนางแบบน่าจะอยู่ที่ประมาณ 16-24 หรือ 25 มากสุด (นี่ว่าตามทฤษฎีวงการ แต่ในความเป็นจริง 14 เป็นอายุที่เจอบ่อย 15-16-17 ปกติมาก 18 เป็นอายุที่เอเจ้นท์รัก เพราะนางแบบจะเรียนจบแล้ว ไม่ต้องหยุดงานไปสอบหรืออื่นๆ ที่น่าเศร้าคือเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณอายุ 20 เอเจ้นท์จะเริ่มโกงอายุคุณ ลดมันลงไปปีสองปีเวลาบอกลูกค้า) มากกว่านี้ก็ดูเหมือนจะถูกทำให้ ‘พิการ’ ด้วยกาลเวลาที่ไล่ล่า และด้วยความเป็นจริง วัยของนางแบบจะเกี่ยวพันกับรูปร่าง ที่อุตสาหกรรมนี้รักสาวอายุน้อยๆ ก็เพราะด้วยวัยนั้นจะให้รูปร่างสกินนี่ ง่ายต่อการให้ลุคบอยอิชที่ไม่เคยเอ๊าท์

- - เรามายอมรับวิถีการมองของโลกอย่างที่เป็นจริงดีกว่า ความแก่ชราไม่ได้แค่เหมือนเป็นโรคร้ายที่ใครๆ ก็กลัว มันยังเหมือนเป็นความผิดอย่างหนึ่ง แถมทัศนะแบบนี้ก็มีมากขึ้นทุกทีในชีวิตปกติธรรมดา ไม่ต้องเอ่ยอ้างวงการแฟชั่นหรอก เราจึงได้เห็นการดึง เหนี่ยวรั้ง หรือจับล็อกหน้าเพื่อพยายามหยุดยั้งทุกสิ่ง สวนทางกับความเป็นจริงที่ว่าโลกทั้งโลกกำลังเคลื่อนเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์แบบในอีกไม่ช้าไม่นานนี้

- - ความจริงมันก็คือการดิ้นรนปกติของมนุษย์ที่จะเอาชนะความตายอันมีความชราที่ให้ภาพเหลือจะทนเป็นตัวแทน และโดยธรรมชาติ ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้นว่าเสื้อผ้าหรือสินค้าอื่นใดจะดูดีที่สุดก็เมื่ออยู่บนร่างกายของความเยาว์วัย ปราดเปรียวเปี่ยมชีวิตชีวา แน่นอน มีคนกรี๊ดกร๊าดกับ Carmen Dell’Orefice ที่ยังคงรับงานนางแบบอยู่จนทุกวันนี้ ในวันที่อายุมากกว่า 85 หรือความเท่ที่สาวๆ ไม่มีวันทาบติดของสุภาพสตรีนิวยอร์กผู้กำลังจะอายุ 96 สิงหาคมปีนี้ Iris Apfel สไตล์ไอคอนที่เพิ่งจะเป็นนางแบบโฆษณานาฬิกาข้อมือแบรนด์สุดเท่เมื่อสปริง 2017 นี่เอง

คำถามของเราคือ จะมีกี่คนที่ฝ่าพายุวัยมาถึงจุดนี้ได้ ?

- - บนรันเวย์ นางแบบที่เรียกว่า aged models เป็นชนกลุ่มน้อยยิ่งกว่าน้อย (เราไม่นับบรรดาเซเลบริตี้ส์ซึ่งมีที่ทางแถวนี้ราวกับจับจองเอาไว้แต่ชาติปางก่อน) ซึ่งจะถูกวัดสถิติในแต่ละซีซั่น อย่างมากที่ผ่านมาจากทุกรันเวย์ทั่วโลกรวมกันก็ประมาณ 10 คน Veronica Webb นางแบบอัฟริกัน - อเมริกัน เป็นหนึ่งในนั้น ปีนี้เธออายุ 52 สูง 179 เซนติเมตร และยังอยู่ในรูปร่างแทบจะไม่มีที่ติ ใครก็ตามที่มีวัยเกิน 45+ ลองคิดดูก็แล้วกันว่าการประคองรูปลักษณ์ของตัวเองเมื่อพ้นวัยสาวไปแล้วนั้น เป็นเรื่องยากเย็นแค่ไหน เธอต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากความพิการในสายตาของวงการ และทำงานในอาชีพของตัวเองได้ต่อไป



Carmen Dell’Orefice เธอเป็นนางแบบมาตั้งแต่ปี 1946 ปัจจุบันอายุเกิน 80 และยังเป็นนางแบบ


Iris Apfel ในแคมเปญโฆษณานาฬิกา Tag Heuer


Veronica Webb นางแบบวัย 50+ ที่ยังคงทำงานอาชีพของเธออยู่

พื้นที่เล็กของวงการแฟชั่น หรือพื้นที่ใหญ่เท่าอาณาเขตโลก ไม่ว่ากฎเกณฑ์ของพื้นที่นั้นๆ จะเป็นอย่างไร ไม่ว่าใครจะเรียกเราด้วยถ้อยคำแบบไหน สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยคือเราก็ยังคงเป็นตัวเราเองเสมอ และถ้าคุณเชื่อในตัวเอง คนอื่น

ถึงที่สุดแล้วก็ต้องเชื่อคุณ สาวๆ ที่ถูกเรียกว่าคนพิการมากมายซึ่งไม่เคยลืมว่าตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเป็นยังไง ความฝันอยู่ที่ไหน น่าทึ่งที่พวกเธอล้ำล่วงพื้นที่ที่ยากที่สุดแห่งหนึ่งในโลกที่เรียกว่า วงการแฟชั่น มาแล้ว และเรียกมันได้เต็มปากด้วยซ้ำว่าเธอทำสำเร็จ

ฉันจะรอเล่าเรื่องเหล่านั้นให้คุณฟัง