Skip to main content

สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าฮีรากำลังทำให้นางกลัว…ความกลัว ซ้าย…ขวา…ซ้าย…ขวา เฮเฟสทุสเดินมาหาแม่ของตนด้วยก้าวย่างที่แปลกและน้ำหนักเท้าที่ไม่มั่นคง ซ้าย…ขวา…ซ้าย…ขวา เฮเฟสทุสเดินกะเผลกๆ ใกล้เข้ามาหาฮีราด้วยหัวใจที่ไร้เดียงสา

หมอกไอขาวขุ่นของก้อนเมฆลอยละล่องเหนือชั้นบรรยากาศในระดับเกินกว่าสายตาของมนุษย์จะมองเห็น เสียงร้องจ้าแหลมเล็กของเด็กชายที่ฟังดูคล้ายเด็กเกิดใหม่ หากแต่มีรูปร่างใหญ่โตเกินเกณฑ์มนุษย์แรกเกิดทั่วไปดังแทรกขึ้นในห้วงอากาศที่อัดแน่นไปด้วยความเวิ้งว้าง ไม่มีใครได้ยินเสียงของหนูน้อยด้วยเหตุเสียงหวือหนักของลมที่ตีปะทะผ้าห่อตัวเด็กแรกเกิดซึ่งทอด้วยไหมทองเนื้อหนาละเอียด แสงแรกของวันกำลังจะเริ่มขึ้น เงาไกลลิบของดวงจันทร์กำลังบอกลาโลก พร้อมๆ กับดวงอาทิตย์กำลังค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาแทนที่อย่างไม่เร่งรีบและเฝ้าดูเหตุการณ์บนท้องฟ้าราวกับผู้สังเกตการณ์ที่อยู่ห่างไกล

รูปร่างของหนูน้อยในห่อผ้าไหมเนื้อทองดูไม่คุ้นตาเจ้าแห่งระบบสุริยะ สิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนกำลังลอยล่องอยู่ท่ามกลางมวลเมฆแกว่งไกวมือไม้ขนาดเล็กจิ๋วไปในอากาศ ราวกับกำลังไขว้คว้าหาที่ยึดจับไว้ ในขณะที่เท้าทั้งสองก็พยายามถีบตัวเองออกมาจากห่อผ้าที่รัดแน่น สายตาของดวงอาทิตย์เพ่งไปที่ขาข้างหนึ่งของเด็กน้อยที่มีลักษณะแบน ลีบ ดูสู้ไม่สมส่วนกับอวัยวะภายนอกอื่นๆ รอยแดงจ้ำใหญ่ปรากฏอยู่ที่ข้อเท้าของเด็กน้อย เพราะเหตุใดเด็กแบเบาะหน้าตาน่ารักน่าชังถึงกำลังลอยเคว้งคว้างอยู่ในห้วงอากาศที่แสนโดดเดี่ยว ไม่สิ…เด็กน้อยไม่ได้ลอยเคว้งคว้าง แต่เหมือนถูกโยนลงมาจากที่ใดที่หนึ่งมากกว่า เทพแห่งดวงอาทิตย์กวาดสายไปมองยังทิศทางเบื้องบน ก็เห็นเพียงเงาสีเทาจางๆ ของเทือกเขาโอลิมปัส

“น่าเศร้าใช่มั้ยละ ท่านฮีลีอุส” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากอีกฟากฝั่งของท้องฟ้า ฮีลีอุส เทพแห่งดวงอาทิตย์หันไปตามเสียงเรียก….เซลีน นั่นเอง

“ท่านก็รู้ว่าเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นได้เสมอบนโอลิมปัส” เสียงเย็นเรียบ ทว่าเจือความอบอุ่นดังขึ้น…เซลีน เทพแห่งจันทราผู้สืบเชื้อสายเดียวกันกับฮีลีอุสรำพึงขึ้นเหมือนพูดกับตัวเอง มากกว่าจะเป็นบทสนทนาจริงจังกับพี่ชายของตัวเอง “ข้าเฝ้าดูอยู่ที่นี่มาตั้งแต่หัวค่ำของคืนก่อน ท่านทราบดีใช่มั้ยว่า ซุสกับเทพีฮีราได้ให้กำเนิดทายาทองค์ใหม่แล้ว ซึ่งข้าก็ไม่รู้ว่าเป็นลำดับที่เท่าไหร่แล้วล่ะนะ” เซลีนหัวเราะเบาๆ ในลำคอ นางรู้สึกผ่อนคลายขึ้น ขณะที่กำลังจากบอกลาท้องฟ้าไปในวันนี้หลังจากทำหน้าของตัวเองเสร็จแล้วมาตลอดทั้งคืน นางรู้สึกดีใจที่ได้เจอและพูดคุยกับพี่ชายของตัวเองเพียงเล็กน้อย

“เด็กคนนี้เป็นลูกชายของเทพทั้งสองอย่างนั้นหรือ” ฮีลีอุสถามคำถามที่เขาเองก็คงจะเดาได้ไม่ยาก

“ดูเหมือนจะไม่ใช่แล้วล่ะท่าน จะต้องเรียกว่าเป็นเด็กกำพร้ามากกว่า” เซลีนนึกไปถึงบทสนทนาก่อนหน้านี้ที่ตัวเองได้ยินระหว่าง ซุสและฮีรา ชายาของเทพผู้เป็นเจ้าแห่งทวยเทพและเป็นผู้ปกครองจักรวาล เวลาตกค่ำนับเป็นเวลาที่ใครๆ ก็คงจะคิดว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสงบสุขและการพักผ่อน แต่สำหรับเซลีน เทพแห่งจันทราแล้ว มันเป็นสถานการณ์ที่ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง เซลีนพบว่าภาระหน้าที่ที่นางได้รับมอบหมายในตอนกลางคืน ช่างเป็นงานที่ท้าทายและน่าสนใจ เพราะเวลากลางคืน คือ ช่วงเวลาที่สัญชาติญานมนุษย์จะปรากฏขึ้น ความเศร้า ความหวัง ความฝัน และความลับเป็นสิ่งที่ดวงจันทร์มักจะได้รับการร้องขอเสมอ ก็คงไม่ต่างจากความจริงที่ว่า กลางวันคือช่วงเวลาของการทำงานและใช้ชีวิต ส่วนกลางคืนเป็นช่วงเวลาแห่งความฝันและความลับ  

บทสนทนาที่นางเผอิญไปได้ยินเข้าเมื่อคืนก่อนเริ่มต้นที่เสียงกรีดร้องด้วยความโกรธของฮีรา นางกำลังต่อว่า ‘สามี’ ของนาง ซุส…ผู้ครองเทือกเขาโอลิมปัสและบ่อยครั้งก็คิดไปเองว่าตัวเองเป็นผู้ปกครองบนโลกมนุษย์ด้วยเหมือนกัน เพราะซุสมักจะลงไป ‘เยี่ยม’ ข้างล่างอยู่บ่อยๆ และทำอะไรต่อมิอะไรตามใจชอบ รวมถึงการสร้างทายาทกึ่งเทพ กึ่งมนุษย์ไปทั่วทุกหนแห่งที่เขาไปเยือน แน่นอน ชายาเอกของทวยเทพอย่างฮีราก็ต้องมีเรื่องมาปะทะกับซุสอยู่เป็นประจำด้วยพฤติกรรม  ‘รักไม่เลือก’ ของคู่ตัวเอง ก็คงไม่ต่างอะไรกับคู่สามีภรรยาบนโลกมนุษย์นั่นแหล่ะ และค่ำคืนนี้ก็เป็นอีกครั้งที่สามีภรรยาแห่งเขาโอลิมปัสต้องเผชิญกับปัญหาเดิมๆ ฮีราไม่พอใจอย่างนักที่ค้นพบความจริงว่า ซุสไปให้กำเนิดทายาทใหม่อีกแล้ว แต่เป็นทายาทที่ไม่ได้เกิดกับนาง ไม่เพียงแต่ชื่อเสียงของซุสในเรื่องการเป็น ‘นักรัก’ จะลือกันไปทั่วเขาโอลิมปัส แต่บนโลกมนุษย์ข้างล่าง พวกมนุษย์ต่างพากันหลบเลี่ยงซุสและเรียกขานบรรดาหญิงสาว ทั้งเทพ ทั้งมนุษย์ที่ซุสไปสมสู่ด้วยว่า “ชู้รักของซุส” แต่ฮีราไม่ใช่แค่คนรักของซุส เธอปฏิเสธที่จะถูกเหมารวมไปในกลุ่มนี้ เธอรังเกียจพฤติกรรมสามีที่มาลดทอนคุณค่าและเกียรติในการเป็นชายาของเทพผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยความโกรธและความแค้น ฮีราจึงดลบันดาลให้เกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมาในครรภ์ของนาง นางหมายมั่นว่าทายาทที่นางกำลังจะให้กำเนิดนี้จะเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นและ ‘เอาคืน’ ความรักไม่เลือกของซุส เพราะนางจะทำให้ลูกชายที่กำลังจะเกิดมีพละกำลังแข็งแกร่งยิ่งกว่าซุส มีสติปัญญาล้ำเลิศยิ่งกว่าเทพอะธีนา ธิดาอีกคนของซุสที่เกิดจากอีกหนึ่ง “ชู้รัก” ของเทพรักไม่เลือกองค์นี้

คิดได้ดังนั้น ฮีราจึงเนรมิตทายาทและให้กำเนิดบุตรชายขึ้นมาเพียงลำพังกลางดึกของคืนก่อนหน้านี้ หลังจากที่ซุสออกไปแล้ว บุตรชายที่นางเพิ่งคลอดออกมามีสภาพร่างกายใหญ่โตและสมบูรณ์ไม่เหมือนกับเด็กมนุษย์แรกเกิดทั่วไปและเป็นที่สร้างความพึงพอใจให้กับเทพีฮีราเป็นที่สุด “ข้าจะเรียกเจ้าว่า เฮเฟสทุส” ฮีราบอกกับลูกน้อยของนาง ขณะที่นางกำลังห่อตัวโอรสองค์ใหม่ด้วยแพรพรรณเนื้อดีทำจากไหมทองเส้นหนา หมายจะอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาพินิจพิเคราะห์อย่างใกล้ชิด เฮเฟสทุสค่อยๆ กลิ้งตัวและเอามืออ้วนจ้ำม้ำน้อยๆ ยันตัวเองขึ้น เพื่อจะลุกขึ้นเดินมาหามารดาของตน เด็กน้อยเฮเฟสทุสค่อยๆ ลุกเดินมาหาเทพีแห่งเทพ

บุตรชายที่นางเพิ่งคลอดออกมามีสภาพร่างกายใหญ่โตและสมบูรณ์ไม่เหมือนกับเด็กมนุษย์แรกเกิดทั่วไปและเป็นที่สร้างความพึงพอใจให้กับเทพีฮีราเป็นที่สุด “ข้าจะเรียกเจ้าว่า เฮเฟสทุส”

ซ้าย…ขวา…ซ้าย…ขวา เฮเฟสทุสเดินมาหาแม่ของตนด้วยก้าวย่างที่แปลกและน้ำหนักเท้าที่ไม่มั่นคง

ฮีรารู้สึกตกตะลึงกับภาพตรงหน้า เพราะทายาทเทพเกิดใหม่ทุกองค์ที่นางให้กำเนิด รวมถึงเทพอื่นๆ แล้วนั้น นอกจากจะมีพัฒนาการที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ต่างจากมนุษย์ที่ไร้ชีวิตอมตะทั่วไปแล้ว เทพบนเทือกเขาโอลิมปัสทุกองค์ล้วนแต่มีใบหน้าสะสวย มีผิวพรรณละเอียด ดวงตาสุกใส เส้นผมหนาและมันเป็นเงา แต่ภาพที่นางเห็นตรงหน้า คือ เด็กแรกเกิดรูปร่างใหญ่เกินจริงและผิวพรรณดูหมองคล้ำ โครงหน้าบิดเบี้ยว เส้นผมลีบแบบ และที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ ขาข้างหนึ่งของเฮเฟสทุสมีลักษณะเล็กลีบและนิ้วเท้าก็รวบเป็นเนื้อเดียว แลดูคล้ายอุ้งเท้าสัตว์ ทว่ามีเพียงสิ่งเดียวบนร่างกายของเฮเฟสทุสที่บ่งบอกถึงเชื้อสายของเทพบนเทือกเขาโอลิมปัส นั่นก็คือ ดวงตาที่สุกสว่าง สดใส

ซ้าย…ขวา…ซ้าย…ขวา เฮเฟสทุสเดินกะเผลกๆ ใกล้เข้ามาหาฮีราด้วยหัวใจที่ไร้เดียงสา

“เจ้า....ทำไมเดินแบบนั้น....ทำไม....” ในหัวของฮีรา ภาพที่นางเห็น คือ ความน่าเกลียด…..น่าเกลียด เป็นคำเดียวที่นางนึกถึงในเวลานี้ ตลอดชีวิตอมตะของนางที่อยู่มาตั้งแต่เกิดจนได้มาเป็นชายาของซุสและใช้ชีวิตอย่างสุขสบายบนเทือกเขาโอลิมปัส นางคุ้นเคยแต่กับความงดงาม “ความสวย” “ความสมบูรณ์แบบ” “ความงดงามจับจิตจับใจ” ล้วนเป็นสิ่งที่นางและทวยเทพอื่นๆ คุ้นชินและประกอบสร้างเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น อาหารการกิน ข้าวของภาชนะที่ใช้ เครื่องเรือน แพรพรรณ ศิลปะ ดนตรี ความบันเทิงใจ หรือแม้แต่การเสพสม ทุกอย่างอยู่ภายใต้ “ความงามไร้ที่ติ”

สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าฮีรากำลังทำให้นางกลัว…ความกลัว เป็นความรู้สึกที่กำลังครอบงำในจิตใจของนาง นางไม่รู้ว่า ความน่าเกลียดเบื้องหน้าจะนำพาสิ่งใดมาให้  นางจะโดน ‘คำสาป’ เช่นเดียวกับทายาทใหม่ที่นางเพิ่งให้กำเนิดมาด้วยหรือไม่ สมควรแล้วที่นางจะกลัวมิใช้หรือ เพราะเฮเฟทุสคือสิ่งแปลกปลอมสิ่งเดียวและสิ่งแรกที่นางเคยเห็นในดินแดนโอลิมปัสแห่งนี้ เป็นสิ่งเดียวที่ห่างไกลจากคำว่า ความงามไร้ที่ติ อันเป็นสิ่งที่ชาวโอลิมปัสถือว่าเป็นหัวใจของการดำรงอยู่ก็ว่าได้

ด้วยมือที่สั่นเทา…ฮีราค่อยๆ หยิบผ้าห่อตัวเด็กถักด้วยไหมทองมาคลุมกายของเฮเฟทุส นางห่อตัวลูกน้อยไว้อย่างแน่นหนา หมายจะไม่ให้ร่างกายที่ดูผิดและแปลกประหลาด น่าเกลียด น่ากลัวนี้เล็ดรอดให้ใครเห็นได้ เฮเฟทุสพยายามดิ้นและขยับมือและเท้าของตนออกจากพันธนาการ หวังจะได้สัมผัสไออุ่นจากมารดาของตนเป็นครั้งแรก

ฮีราเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ที่ฝังอยู่กับกรอบหินในปราสาทอันงดงามของนางและซุส มือของนางหายสั่น ฮีราเอื้อมมือไปผลักบานหน้าต่างให้เปิดออก เสียงลมหวือพัดกระพือเข้ามาปะทะผิวกายในทันที เบื้องหน้าและเบื้องล่างมีเพียงหมอกควันและก้อนเมฆที่ลอยอัดแน่นปกคลุมไปทั่วบริเวณ ฮีราชะโงกหน้าลงไปดู โดยที่รู้ดีว่าไม่มีทางที่นางจะมองเห็นลงไปถึง “ข้างล่าง” เพราะหากจะให้เทียบระยะทางจากเทือกเขาโอลิมปัสไปสู่โลกด้านล่าง สำหรับมนุษย์ธรรมดาแล้วต้องใช้เวลาเดินทางยาวนานถึงหนึ่งวันเต็ม จากเช้าถึงค่ำ จากเที่ยงวันถึงเที่ยงคืน จากน้ำค้างกลางคืนหยดแรกถึงดวงอาทิตย์ในจุดที่ตรงกับศีรษะ

ฮีราอุ้มเด็กน้อยในห่อผ้าทองและยื่นแขนออกไปจนสุด นางไม่ได้กล่าวคำพูดใดๆ มีเพียงแต่เหลือบมองหน้าเฮเฟทุสด้วยสายตาที่หวาดกลัว ก่อนจะปล่อยมือทั้งสองข้างให้เป็นอิสระ….

-

เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมง ฮีลีอุส เทพแห่งดวงอาทิตย์ก็จะบอกลาหน้าที่ของเขาไปอีกหนึ่งวัน และเซลีน เทพแห่งพระจันทร์ก็จะมารับช่วงต่อเป็นอย่างนี้เหมือนเช่นเคย ฮีลีอุสเคลื่อนตัวคล้อยต่ำลงมาจนเขาใกล้จะแตะกับผิวน้ำสีฟ้าเข้มของทะเลเอเจียน พื้นที่มหาสมุทรที่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอันกว้างใหญ่ บนหาดทรายเนื้อละเอียดของเกาะเลมนอสเปล่ง ประกายแสงสะท้อนซึ่งที่กระทบกับวัตถุตรงหน้าทำให้ฮีลีอุสเพ่งมองด้วยความตั้งใจ

เบื้องหน้าของเทพแห่งดวงอาทิตย์ คือ ห่อผ้าขนาดใหญ่ทอด้วยไหมเนื้อหนาอย่างดี สีทองวิบวับของแพรพรรณตรงหน้าตกสะท้อนกับแสงสุดท้ายของวัน

“เด็กคนนั้นคงจะมาถึงที่นี่อย่างปลอดภัยแล้ว” ฮีลีอุสนึก

 

Haephaetus (เฮเฟทุส) ตามตำนานเทพปกรณัมกรีก เฮเฟทุสได้รับการเล่าขานว่าเป็นเทพองค์แรกที่มีสภาพร่างกายที่พิการและมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียด ขัดกับค่านิยมความงดงามสมบูรณ์แบบบนเทือกเขาโอลิมปัส บนโลกมนุษย์ เฮเฟทุสได้รับการบูชาและเคารพในฐานะเป็น “เทพแห่งการตีเหล็ก” ด้วยฝีมืองานตีเหล็กและการทำอาวุธชั้นเลิศให้กับเทพในตำนานอีเลียด ในกรุงเอเธนส์ มีวิหารบูชาเทพเจ้าเฮเฟทุสด้วยเช่นกัน

ต้นกำเนิดของเฮเฟทุสมีความไม่ชัดเจน บ้างก็ว่าเกิดจากซุสและฮีรา บ้างก็ว่าเกิดจากฤทธิ์ของฮีรา รวมทั้งการถูกขับออกจากสวรรค์ (โอลิมปัส) บางตำนานบรรยายว่าฮีราเป็นผู้โยนเฮเฟทุสลงมาเนื่องจากความละอายในสภาพร่างกายที่พิการของเขา ในขณะที่กวีเอกอย่าง มิลตัน บรรยาว่าซุสผู้เป็นบิดาเป็นคนโยนเฮเฟทุสลงมา