Skip to main content

เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา สภานิติบัญญัติแห่งชาติเห็นชอบสนธิสัญญามาร์ราเคช เพื่ออำนวยความสะดวกการเข้าถึงงานที่มีการโฆษณาแล้ว สำหรับคนตาบอด คนพิการทางการเห็นหรือคนพิการทางสื่อสิ่งพิมพ์

พล.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ย้ำว่า คนพิการทุกประเภทจำเป็นต้องรับรู้ เรียนรู้อย่างเท่าเทียมกับบุคคลอื่นโดย  พร้อมกล่าวถึงประโยชน์ของการเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญามาร์ราเคชว่า ประเทศไทยจะมีภาพลักษณ์ที่ดีในการสนับสนุนให้คนพิการทุกประเภทได้รับรู้ เรียนรู้ เป็นช่องทางให้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารจากงานที่เป็นลิขสิทธิ์ สามารถนำเอกสารอันเป็นลิขสิทธิ์ มาทำซ้ำ ดัดแปลง เช่น นำมาทำเป็นอักษรเบรลล์ หรือหนังสือเสียง เพื่อให้คนพิการทางการเห็นได้รับรู้และเข้าใจเท่าเทียมกับคนอื่น

ด้านสมาชิก สนช.ให้ความเห็นว่าสนธิสัญญามาร์ราเคช ถือเป็นสนธิสัญญาที่มีความสำคัญ ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์อย่างมากหากเข้าเป็นภาคี คนที่ขาดโอกาส เช่น คนตาบอด สายตาเลือนราง คนสูงอายุที่มีปัญหาในการอ่านหนังสือ จะเข้าถึงสื่อสิ่งพิมพ์ได้สะดวก ได้รับความรู้ ข้อมูลที่มีลักษณะอ่านง่ายและเข้าถึงได้ง่าย โดยหลังการอภิปรายที่ประชุมมีมติเห็นชอบด้วยคะแนน 198 เสียง ไม่เห็นด้วยไม่มี และงดออกเสียง 2 เสียง

สนธิสัญญานี้ ได้รับการรับรองเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2556 โดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกเพื่ออำนวยความสะดวกการเข้าถึงงานที่โฆษณาแล้วสำหรับคนตาบอด คนพิการทางการเห็นและคนพิการทางสื่อสิ่งพิมพ์ โดยประเทศที่เข้าร่วมเป็นรัฐภาคีจะสามารถทำซ้ำ แจกจ่ายหรือจำหน่าย รวมถึงเผยแพร่งานที่มีโฆษณาแล้ว ที่อยู่ในรูปแบบที่ทุกคนรวมถึงคนพิการทางการมองเห็นสามารถใช้ประโยชน์ได้

ทั้งนี้ ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขบางประการ เช่น การนำเข้าเอกสารอันมีลิขสิทธิ์ที่ทำซ้ำหรือดัดแปลงจะต้องกระทำโดยหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นและไม่ครอบคลุมถึงการแปล จะต้องดัดแปลงโดยใช้ภาษาของเจ้าของเอกสาร

ปัจจุบันมีประเทศที่เข้าร่วมเป็นภาคีทั้งสิ้น 26 ประเทศ และลงนามจำนวน 63 ประเทศ