Skip to main content

ชวนรื้อกระเป๋าใน นลัทพร ไกรฤกษ์ บรรณาธิการเว็บไซต์ thisable.me ว่าข้างในมีอะไรบ้าง พกของอะไรเป็นแบบไหน เมื่อต้องนั่งวีลแชร์ของจะเป็นแบบไหน “ล้วงกระเป๋าคนพิการ” ตอนแรกอยากชวนไปล้วงกระเป๋าคนใกล้ตัว ว่ามีอะไรบ้าง ชิ้นไหนน่าขโมย(ล้อเล่น) หรือบอกเล่าเรื่องราวอะไรในฐานะคนเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรงบ้าง  

หนู : ปกติก็มีกระเป๋าหลายใบเหมือนกัน ส่วนมากเป็นกระเป๋าที่นิ่มๆ สะพายง่าย ไม่ยาวมากเพราะว่า ถ้ายาวมากเวลาแขวนไว้บนรถเข็น แล้วลากกับล้อ บางทีก็ดำ ก็เลยชอบกระเป๋าที่ไม่ยาวมาก ถ้าเกิดเป็นคนสะพายก็อาจอยู่ประมาณสักเอว เราชอบกระเป๋าที่สีเข้มมากกว่า เพราะว่าไม่เลอะง่าย ด้วยความที่เรานั่งวีลแชร์บางครั้งกระเป๋าก็ไปถูกับของที่เราเดินผ่าน เช่น บางครั้งสะพายข้างเอาวางไว้ที่วางแขน แล้วเราก็เว้นไปขูดกับรถ ก็ติดฝุ่นมาหมดเลย ทีนี้เราก็เลยชอบกระเป๋าสีเข้ม ไม่ต้องดูแลมากและน้ำหนักเบา 

กระเป๋าที่ห้องก็น่ามีกระเป๋าอยู่สัก 10 ใบได้ ที่เหลือก็เป็นของแฟน มีทั้งกระเป๋าผ้าใบใหญ่ กระเป๋าสะพายข้าง และกระเป๋าสะพายแบบคาดตัว ตอนนี้ที่ใช้อยู่เป็นใบที่ สะพายคาดตัว สีขาวลายจุด ใบนี้เป็นกระเป๋ามือสองที่ได้มาจาก ตลาดนัดกลางคืนที่นึง ตอนไปซื้อเห็นมาแต่ไกลเลยว่า ลายสะดุดตาแล้วก็น่ารัก เราเองเป็นคนที่ชอบลายจุด ถึงแม้เป็นพื้นสีขาวก็ตามซึ่ง ปกติเราไม่ค่อยใช้ 

ของในกระเป๋าส่วนใหญ่มี กระเป๋าตังค์ โทรศัพท์ แบตสำรอง ลิป ผ้าเช็ดแว่น เหรียญ ยาดม กุญแจเข้าห้อง กรรไกร สมุดโน๊ต แล้วก็พวกอุปกรณ์แต่งหน้าเล็กๆ น้อยๆ  ลิปสติกแป้ง ครีมกันแดด หรือบางวันถ้ารู้ว่าต้องออกไปทำงานข้างนอกนานๆ ก็อาจพกขนมหรือลูกอมชิ้นเล็กๆ ไป เพราะว่าบางทีหิว หลักๆ ก็ประมาณนี้เพราะกระเป๋าใบค่อนข้างเล็ก ใส่อะไรไม่ได้เยอะ แต่ถ้าเป็นของที่อยู่นอกกระเป๋าส่วนมากก็พก iPad ไปด้วย 

ของที่เราขาดไม่ได้เลยจริงๆ ก็มีสมุดโน๊ต พี่คอยบันทึกปฏิทินตารางงาน โทรศัพท์  กุญแจห้อง ลิป กรรไกร อันนี้เป็นของพื้นฐานที่เราเช็คว่าลืมไหม มีอยู่หรือเปล่า อย่างลิปเพราะปกติเราเป็นคนปากแห้งมาก ก็เลยขาดไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้เอามารู้สึกว่าเป็นวันที่แห้งแล้ง

เราคิดว่าด้วยงานของเราต้องพกอุปกรณ์สื่อสาร หรืออุปกรณ์ที่สามารถพิมพ์งานได้ อย่างเมื่อก่อนช่วงที่เรายังไม่คุ้นเคยกับการใช้ iPad ในการทำงานเราก็ต้องพกคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ไปไหนมาไหนตลอด เพราะบางครั้งก็ต้องแก้งานบางครั้งก็ต้องพิมพ์งาน คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ก็แถมมาด้วยที่ชาร์จอันใหญ่ เพราะแบตเตอรี่อยู่ไม่ได้นาน ทำงานแป๊บเดียวก็ต้องชาร์จแล้ว ก็หนักอยู่เหมือนกัน แต่ว่าช่วงหลังก็เปลี่ยนเพราะมีวิธีการทำงานใหม่ๆ และเราก็เริ่มปรับตัว ก็เลยเริ่มมาใช้ iPad ในการทำงาน เพราะรู้สึกว่าชีวิตง่ายขึ้น แต่ถ้าต้องพิมพ์อะไรเยอะๆ หรือต้องพิมพ์อะไรนานๆ หรือต้องใช้ความเร็ว เราก็คิดว่าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ทำงานสะดวกกว่าอยู่ดี เพียงแต่ทุกวันนี้เวลาไปทำงานก็อาจไม่ได้เร่งรีบขนาดนั้น ก็เลยสามารถพกไอแพด ไปได้ แต่ถ้าให้เลือกว่าทำงานที่ไหนสะดวกก็ต้องเป็นโน๊ตบุ๊คอยู่ดี 

เราคิดว่าด้วยความพิการของเรา การที่เรานั่งวีลแชร์ ก็มีข้อจำกัดเรื่องการถือของหรือการยกของเหมือนกัน หลายครั้งถ้าเราพกของเยอะเกินในกระเป๋าใบเดียว ก็หนักมากๆ เราก็เลยแยกเป็นหลายๆ ใบให้เป็นใบเล็กๆเพื่อที่เวลาเราหยิบ หรือยกกระเป๋าขึ้นมา จากพื้นหรือจากที่แขวนได้ไม่หนักมาก ทำให้เราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ก็เห็นว่าเรามีทั้งกระเป๋าสะพาย กระเป๋าย่าม กระเป๋าถุง อยากแยกของเป็นอย่าง เพราะได้หยิบง่ายขึ้น เราพยายามทำให้ไม่พะรุงพะรัง เพราะเยอะแล้วอาจบวมแล้วไปฟาดนู่นฟาดนี่ 

อีกเรื่องหนึ่งที่เราอยากคุยกับผู้ผลิตก็คือ เรารู้สึกว่าหลายครั้งเราเห็นกระเป๋าที่น่ารัก แล้วเราก็อยากใช้งานเหมือนกัน ทั้งกระเป๋าสะพายและกระเป๋าถือ แต่พอเป็นเราที่นั่งวีลแชร์ กลับไม่น่ารักเหมือนเดิม คือไม่ได้อยู่ในท่าที่ควรอยู่ เหมือนในโฆษณา เพราะฉะนั้นเราเลยรู้สึกว่าเราอยาก ใช้กระเป๋าที่สวยงามหรือกระเป๋าที่น่ารัก แต่ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้สะพายแบบนั่งแล้วยังสวยอยู่ เราเลยอยากให้คนที่ทำกระเป๋า ทำกระเป๋าที่มีหน้าตาน่ารัก หรือกระเป๋าที่ดูมีสไตล์เป็นแฟชั่น สามารถปรับหลายอย่างในกระเป๋าได้ เช่นปรับความยาวของสายกระเป๋า เพื่อให้คนที่นั่งวีลแชร์แบบเรา ก็สามารถสะพายได้สวย หรือการปรับฟังก์ชันบางอย่างเช่นทำให้ซิป จับและรูดง่ายขึ้น เพื่อให้คนที่เป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือคนที่มีแรงจับไม่มากสามารถเปิดกระเป๋าได้ง่าย ถ้าเป็นไปได้ก็คงอยากให้มีอะไรแบบนี้เกิดขึ้น อยากให้มีกระเป๋าสำหรับคนที่ไม่ได้มีแรงมาก หรือถือกระเป๋าไม่ค่อยไหว  เราเชื่อว่าฟังก์ชันของกระเป๋าแบบนี้ก็สามารถทำให้ขายคนอื่นๆ ได้มากขึ้นเหมือนกัน  รวมทั้งขายคนที่นั่งวีลแชร์ได้ด้วย 

อีกอย่างนึงคือเวลาเพื่อนเราหลายคนที่นั่งวีลแชร์ เขาชอบเอากระเป๋าเป้สะพายไว้ข้างหลัง แต่ส่วนตัวเราไม่เคยสะพายกระเป๋าเป้เลย ไม่ใช่ว่าไม่ชอบกระเป๋าเป้ แต่สำหรับเรากล้ามเนื้อไม่ค่อยแข็งแรง และมีแรงน้อย งานสะพายไว้ข้างหลังทำให้เราไม่สามารถหยิบได้ ไกลและใช้แรงเยอะในการที่หันไปหยิบ ส่วนตัวเราเองก็เลยใช้กระเป๋าสะพายและเลือกที่เอาไว้ข้างตัวมากกว่า เพราะว่าหยิบง่าย รู้สึกสบายใจกว่า เพราะถ้าอยู่ข้างหลังเราก็มองไม่เห็น ว่าใครมายุ่งกับกระเป๋าเราหรือเปล่า เพราะฉะนั้นเราก็เอาไว้ข้างๆตัวดีกว่า 

กรรไกร

ชิ้นแรกที่เราเลือกก็คือกรรไกร หลายคนอาจรู้สึกแปลกใจ ที่เราพบกรรไกร แต่ว่าด้วยความที่เราเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง มือและนิ้วของเราไม่แข็งแรง หลายอย่างเราก็ทำได้ แต่บางครั้งอะไรที่ต้องอาศัยการใช้แรง หรือการจับแน่นๆ หรือการดึง เราทำไม่ค่อยไหว เช่นแกะถุงขนม แกะพัสดุ ดึงป้ายเสื้อที่เพิ่งซื้อ เราดึงไม่ออก เราก็ต้องมีกรรไกรพกเอาไว้เพราะเรารู้สึกว่า ใช้งานง่าย ออกกรรไกรที่เราพบเป็นกรรไกรพกพาเล็กๆ มีปลอกใส่ด้วย ก็ทำให้ไม่อันตรายเวลาอยู่ในกระเป๋า หรือถ้ามีอะไรที่ต้องแกะเล็กๆ น้อยๆ เช่น ขนมหรือลูกอม หรือซื้อของมาแล้วแกะไม่ได้ กรรไกรก็ทำได้หมด 

แต่ก็มีบางอย่างที่ถึงแม้เรามีกรรไกรแต่ก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี เช่นการเปิดขวดน้ำ อันนี้เราก็ยังเปิดไม่ได้เพราะเราหมุนไม่ออก เราก็ยังพยายามหาอยู่ว่ามีอะไร ที่สามารถช่วยเราหมุนขวดน้ำได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าเป็นกระป๋องแบบเปิดเราสามารถเอากรรไกรงัดได้อยู่ โดยเฉพาะวันไหนถ้าเพิ่งไปทำเล็บมาเราก็ไม่อยากใช้เล็บเปิดกระป๋องเลย ใช้กรรไกรก็ง่ายขึ้นเหมือนกัน ได้ทั้งตัดได้ทั้งงัด 

สมุดโน๊ตจดงาน

ส่วนสมุดก็อาจงงใช่ไหมว่าเดี๋ยวนี้ หลายคนก็ใช้พิมพ์ในโทรศัพท์มือถือ หรือบันทึกลงในปฏิทินในมือถือแต่เรายังเป็นคนที่ชินกับการบันทึกงานลงในสมุดอยู่ เรารู้สึกว่าจับต้องได้ ก็เป็นอะไรที่ดูง่ายสำหรับเรา นอกจากบันทึกลงไปใน วันนั้นๆ แล้ว ยังสามารถจดโน๊ตอื่นๆ ทำเป็นสีต่างๆ ได้ หรือใช้ปากกาไฮไลท์สีต่างๆ มา ทำแล้วสนุก แต่ก็มีปัญหาเหมือนกันด้วยปัจจุบันในหลายๆ ครั้งเราไม่ค่อยพกกระเป๋าออกไปข้างนอกเราถือแค่โทรศัพท์เพราะโทรศัพท์ทำได้ทุกอย่างเช่นจ่ายเงิน ดูคลิป โทรหาคนอื่นได้ ทำได้ทุกอย่างแล้ว เราเลยไม่ค่อยถือกระเป๋าลงจากรถ เช่น เวลาออกไปกินข้าว เราก็เอาไปแค่โทรศัพท์ 

แล้วทีนี้เวลาที่ต้องเช็คงาน ระหว่างที่เราอยู่ข้างนอก หรือระหว่างที่มีแค่โทรศัพท์ ก็ทำให้เราไม่สามารถเช็คงานได้ เพราะเราต้องกลับมาเปิดโน๊ตที่บ้าน นี่ก็เป็นข้อเสียเหมือนกัน ก็เลยคิดว่าอาจต้องทำทั้ง 2 ระบบ แต่ก็ยังรู้สึกว่าการเขียนให้ความสนุกและ ให้ความรู้สึกที่ เราใส่อารมณ์ได้ เช่นบางนาเราอยากไปมากเราเขียนด้วยสีนึง ใส่สติ๊กเกอร์หรือใส่หน้ายิ้ม แต่ว่าในโทรศัพท์ทำแล้วก็ไม่รู้สึกขนาดนั้น ก็เลยยังชอบเขียนในสมุดอยู่ คิดว่าปีหน้าก็คงยังซื้อสมุด น่าเป็นเล่มเล็กๆ ประมาณนี้แหละ เพราะกระเป๋าเราก็เล็ก พกใหญ่กว่านี้หนัก 

ไอโฟน มินิ

ไอโฟนของเราเป็นรุ่นมินิ อย่างที่บอกว่าเราเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง แล้วการถือของหนักๆ หรือการถืออะไรที่มีน้ำหนักค่อนข้างเยอะ ทำให้เราล้าเร็ว รู้สึกอ่อนแรงมากขึ้น รู้สึกเมื่อยและถือไม่ไหว  อย่างที่เรารู้กันโทรศัพท์เป็นสิ่งของที่ติดอยู่กับมือเสมอ แทบต้องถือตลอดเวลาเพื่อตอบข้อความ เราเลยรู้สึกว่าไอโฟน เครื่องเล็กๆ ถือง่าย ไม่เมื่อยและสามารถพิมพ์ได้ด้วยมือเดียว 

บางครั้งมือข้างเดียวของเราก็ใช้ขับรถวีลแชร์ เพราะรถวีลแชร์ของเราเป็นรถวีลแชร์ไฟฟ้า มีจอยสติ๊กอยู่ทางขวามือ มืออีกข้างหนึ่งก็ยังสามารถพิมพ์ข้อความได้อยู่ หรือไม่ก็กดส่งเป็นเสียงเพื่อคุยธุระได้อยู่ เรารู้สึกว่าสะดวกมากแต่ก็ต้องแลกมากับการที่จอค่อนข้างเล็ก เดี๋ยวนี้พอไปเห็นของคนอื่นส่วนใหญ่เขาใช้แต่จอใหญ่ๆก็รู้สึกว่าของเราเล็กแล้วก็ดูอะไรได้น้อยกว่าคนอื่นแต่สำหรับความสะดวกเราคิดว่าใช้สะดวกมาก เพราะ เบา เล็ก และกะทัดรัด เก็บง่ายถือง่าย 

เรารู้สึกว่าเหมาะกับคนที่เป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง รวมทั้งเพื่อนของเราอีกหลายคนที่เป็นโรคเดียวกัน พอใช้ไอโฟน มินิ เหมือนกัน เพราะรู้สึกว่าขนาดกำลังดี กับการถือไม่หนัก แถมใส่เคสแล้วก็ยังถือไหว แต่ในบางรุ่นก็ค่อนข้างมีน้ำหนัก ขนาดยังไม่ใส่เคสก็คือหนักแล้ว ส่วนอีกเรื่องนึงก็คือเราชอบหลับระหว่างเล่นโทรศัพท์ อาจอ่านหรือดูอะไรอยู่แล้วหลับ แล้วก็หล่นมาฟาดหน้า เรารู้สึกว่า ไอโฟน มินิ

ก็ฟาดเบาลงนิดนึง ไม่เหมือนกับ ไอแพด หรือโทรศัพท์เครื่องใหญ่ที่ฟาดทีแล้วรู้สึกว่าหน้าแหก